ยุนอา (YoonA) ได้ย้อนเล่าถึงกระบวนการสร้างตัวละคร “ยอนจียอง”
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ พูลแมน กรุงโซล ยุนอาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลี เนื่องในโอกาสปิดฉากการออกอากาศของซีรีส์ Bon Appétit, Your Majesty เมนูรักพิชิตใจราชา ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ ทางช่อง tvN
อิมยุนอากล่าวว่า
“เพราะเป็นผลงานนี้อยู่กับฉันมาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น เลยมีความผูกพันเป็นพิเศษ ถ้านับจากตอนที่ได้รับบทครั้งแรกก็กว่า 1 ปีครึ่งแล้วค่ะ รู้สึกเสียดาย ไม่อยากปล่อยมือผลงานนี้ไปเร็วๆเลย แต่ก็รู้สึกขอบคุณมากที่หลายคนรักยอนจียองที่ฉันได้เตรียมตัวและเก็บไว้ในใจมานาน เวลานึกถึงก็ยังรู้สึกจุกๆ และซึ้งใจ เป็นผลงานที่จะอยู่ในใจไปอีกนาน”
แฟนๆ หลายคนต่างอินกับการปูเรื่องที่เชื่อมโยงกับตำรามังอุนรก รวมถึงการทำอาหารแต่ละเมนูที่ปรากฏในเรื่อง อิมยุนอาเล่าว่า
“ฉันก็คิดว่าผู้ชมคงสนุกกับการดูละครที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับอาหาร แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้รับความรักมากขนาดนี้ ปกติไม่ว่าผลงานไหนก็หวังให้มีคนรักเยอะๆ แต่พอเห็นเรตติ้งสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกตอนก็แปลกใจเหมือนกันค่ะ”
เธอยังบอกว่าได้รับรู้ถึงความนิยมนี้จากการตอบรับรอบตัว
“เวลาไปกินข้าว ไปทำงาน หรือเดินทางไปต่างประเทศ ทุกคนที่เจอจะบอกว่า ‘ดู Bon Appétit, Your Majesty อยู่ค่ะ’ หรือเรียกฉันว่า ‘แดรยองซุกซู’ (ตำแหน่งหัวหน้าเชฟในวัง) คุณลุงคุณป้าก็ทักว่า ‘ทำอาหารเก่งจังเลย’ ทั้งๆ ที่จริงฉันไม่ได้ทำเอง รู้สึกได้จริงๆ ว่ามีคนดูเยอะมาก”
อิมยุนอายังกล่าวถึงการทำงานกับผู้กำกับจางแทยูที่ถูกยกย่องว่าเป็น “ปรมาจารย์ละครย้อนยุค” ว่า
“ในฐานะผู้ชม ฉันเองก็ดูตั้งแต่ตอนแรกและรู้สึกว่าสนุกมาก ท่านถ่ายทอดทุกช็อตที่ถ่ายออกมาโดยไม่ตกหล่นและแสดงออกอย่างหลากหลาย ทำให้รู้เลยว่า ‘อ๋อ ถึงเรียกว่าผู้กำกับจางแทยู’ เพราะท่านเรียนด้านศิลปะมา เลยใส่ใจแม้กระทั่งองค์ประกอบศิลป์ สีสัน ของตกแต่ง หรือแม้แต่เครื่องประดับเล็กๆ ที่ติดอยู่บนหนังสือเล่มหนึ่งก็ยังใส่รายละเอียดด้วยตัวเอง”
เธอเสริมว่า “อาหารก็ถ่ายทอดออกมาให้น่ากินมากจริงๆ ถึงแม้มันก็น่ากินอยู่แล้ว แต่ในเรื่องอาหารก็เป็นเหมือนอีกตัวละครหนึ่งเลย และการที่ทำให้อาหารออกมาดูน่ากินจนผู้ชมอยากลองเองได้ มันสำคัญมาก และเพราะเป็นผู้กำกับจางแทยูถึงถ่ายทอดได้อย่างหลากหลายขนาดนี้”
ฉาก “ม็อกบัง” (Mukbang) หรือฉากลิ้มรสอาหาร ที่มี CG สีสันสดใสและตลกขบขันก็เป็นที่พูดถึงเช่นกัน
“ตรงนี้เองที่ฉันรู้สึกทึ่งและประทับใจผู้กำกับมากๆ ไม่คิดเลยว่า CG จะออกมาแบบนั้น พอเห็นครั้งแรกก็รู้สึกได้เลยว่า ‘อ๋อ นี่คือโทนของละครเรา’ เพียงแค่การแสดงรสชาติอาหารก็สื่อสารสีสันของเรื่องได้ครบถ้วนแล้ว ตอนแรกกังวลว่าอาจมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แต่ปรากฏว่าคนดูสนุกกันในเชิงการ์ตูนๆ ฉันเองเวลาเห็นฉากกินอาหารก็ยังเผลอคิดว่า ‘จะมี CG ออกมามั้ยนะ?’ เลยทำให้เกิดความคาดหวังไปด้วย”
เพื่อให้สมจริงกับบทเชฟอาหารฝรั่งเศส ยุนอาเริ่มเรียนทำอาหารและฝึกกับเชฟที่ปรึกษามาตั้งแต่ 3 เดือนก่อนถ่ายทำ เธอเปิดใจว่า
“ฉันได้รับบทนี้ช่วงฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้ว หลังจากได้อ่านบทและคุยกับผู้กำกับก็เริ่มเตรียมตัวทันที รู้สึกว่ามันเป็นผลงานที่ฉันเดินร่วมกันกับผู้กำกับมาตลอด จึงมีความผูกพันเป็นพิเศษ ตอนนั้นผู้กำกับยังส่งลิสต์ผลงานที่เกี่ยวกับการทำอาหารมาให้ฉันดูเพื่อใช้ฝึกสร้างภาพลักษณ์ด้วย”
แต่เมื่อรู้สึกว่าฝึกคนเดียวไม่พอ เธอจึงไปเรียนที่สถาบันสอนทำอาหาร อิมยุนอากล่าวว่า
“ตั้งแต่ 3 เดือนก่อนเริ่มถ่าย ฉันไปเรียนทำอาหาร ฝึกพื้นฐานการใช้มีด รวมถึงเมนูอาหารเกาหลี และในขณะเดียวกันก็ได้เรียนทำอาหารกับเชฟชินจงชอลที่โรงแรมแห่งนี้ โดยเขาสอนฉันเรื่องการจัดจานอาหารตะวันตกและพาสต้าเป็นหลัก”
นอกจากนี้เธอยังเล่าว่าได้ทดลองทำเมนูต่าง ๆ ที่ปรากฏในละครด้วยตนเอง
“ฉันได้เจอเชฟโอเซด็อก ทีมฟู้ดสไตลิสต์ ผู้กำกับ และผู้กำกับภาพ ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อทดลองทำอาหารตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงการจัดจาน เพื่อให้ได้รายละเอียดที่สมจริง ฉันเองก็เสนอความคิดเห็นและทุ่มเวลาไปกับการเรียนรู้ด้านอาหารอยู่ราว ๆ 3 เดือน และถ้ารวมช่วงเวลาฝึกสร้างภาพลักษณ์ด้วยก็ใช้เวลารวมครึ่งปี”
แม้เธอจะทุ่มเทอย่างหนัก แต่ซีรีส์ Bon Appétit, Your Majesty ก็ต้องเผชิญปัญหาในช่วงต้น เมื่อพระเอกเดิมถูกเปลี่ยนตัวเพราะปัญหาส่วนตัว อย่างไรก็ตาม ยุนอาเผยว่า
“สิ่งที่ฉันคิดมากที่สุดคือการทำให้ตัวละครยอนจียองสมบูรณ์ที่สุด”
“แม้เคมีกับนักแสดงร่วมจะสำคัญ แต่ในฐานะยอนจียอง ฉันมีสิ่งที่ต้องทำและเตรียมไว้มากมาย จึงโฟกัสกับการสร้างตัวละครให้แข็งแรงมากกว่า ตอนถ่ายทำ สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำงานร่วมกันในกองถ่าย และก็ไม่ได้มีปัญหาใหญ่ ๆ อะไรเลย กลับรู้สึกว่าในเวลาสั้น ๆ ที่เขา (อีแชมิน) เตรียมตัวมาอย่างเต็มที่นั้น ช่างน่าทึ่งและน่าขอบคุณมากๆ”
เกี่ยวกับอีแชมิน (Lee Chae Min) ที่เกิดปี 2000 และอายุน้อยกว่าเธอถึง 10 ปี อิมยุนอากล่าวว่า
“เขาเป็นคนที่สดใสร่าเริงและแข็งแรงมาก ในกองถ่ายก็มักจะเล่นสนุก ทำให้บรรยากาศไม่ตึงเครียด อีกทั้งยังเป็นคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่อยู่มาก เตรียมตัวดี มีทัศนคติในการแสดงและสมาธิที่ยอดเยี่ยม จนทำให้ไม่รู้สึกถึงช่องว่างของอายุเลย”
ในตอนจบ ยอนจียองกลับมาสู่ปัจจุบัน และพบว่าในประวัติศาสตร์ใหม่ “ยอนฮีกุน” หายตัวไป ขณะเดียวกัน อีฮอนที่สวมชุดสูทยุคปัจจุบันปรากฏตัวตรงหน้า ทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งอย่างน่าประทับใจ พร้อมฉากแบ่งปันบิบิมบับ และประโยคสุดท้าย “สิ่งนั้นไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือเรากลับมาเจอกันอีกครั้งแล้ว” ปิดฉากด้วย แฮปปี้เอนดิ้ง ที่ทำให้ผู้ชมอบอุ่นหัวใจ
ยุนอาเล่าว่า
“ในเรื่องเกิดเหตุการณ์จลาจลขึ้น มีผู้คนมากมายถูกสังเวยชีวิต คนๆหนึ่งปลอมตัวเป็นอีฮอนและก่อเรื่อง จนสุดท้ายอีฮอนถูกใส่ร้ายและถูกปลดจากตำแหน่ง ฉันพยายามช่วยเขาแต่ก็ถูกส่งกลับมาปัจจุบันเสียก่อน ขณะที่อีฮอนยังอยู่ในอดีต แต่สุดท้ายเขาก็กลับมาพร้อมความทรงจำและเจอกับฉันอีกครั้ง”
เธอกล่าวต่อว่า
“ตอนถ่ายทำ ผู้กำกับเล่าโครงเรื่องกว้าง ๆ ไว้ตั้งแต่แรก แต่รายละเอียดแต่ละตอนฉันได้รู้จากการอ่านบท”
นอกจากนี้ยุนอายังบอกเล่าถึงความหมายของสถานที่สัมภาษณ์ที่จัดขึ้นที่โรงแรม ซึ่งเป็นที่ที่เธอเคยฝึกทำอาหารจริง
“ฉันเคยเรียนทำอาหารจากเชฟที่นี่ด้วยค่ะ ในเรื่องเองฉากที่ยอนจียองกลับมาอยู่ปัจจุบันก็ทำงานอยู่ที่โรงแรมนี้เช่นกัน ถือว่าเป็นสถานที่ที่ผูกพันมาก”
เมื่อถูกถามถึงความพึงพอใจกับตอนจบ ยุนอาตอบว่า
“ฉันพอใจมากค่ะ หลายคนบอกว่าอยากให้ยอนจียองอยู่ในอดีตกับอีฮอนตลอดไป แต่พออีฮอนสามารถตามมาปัจจุบันและได้เจอกันอีกครั้ง มันยิ่งดีมากกว่าเดิม”
ในเรื่อง ยุนอาได้พิสูจน์อีกครั้งว่าเธอคู่ควรกับฉายา “ควีนแห่งโรแมนติกคอมเมดี้” ผ่านการแสดงที่หลากหลายทั้งคอเมดี้และโรแมนซ์ โดยเฉพาะฉากร้องเพลง Come Back Home ขณะเมามายก็กลายเป็นประเด็นร้อนด้วยความน่ารักสดใส
ยุนอากล่าวว่า
“สถานการณ์ของยอนจียองกับเนื้อเพลง Come Back Home มันเข้ากันมากๆ ผู้กำกับเองก็บอกว่าอยากใช้เพลงนี้แน่นอน ฉันเลยคิดว่าจะทำยังไงให้แสดงออกมาได้สนุกๆ เพราะไม่มี ‘มังอุนรก’ เลยเมาจริงๆ ถ้าเพิ่มการแสดงแบบนั้นเข้าไปน่าจะดูสนุกขึ้น ก็เลยลองเสนอไป และเนื้อเพลงก็ถูกปรับเล็กน้อย”
บรรยากาศในกองถ่ายเต็มไปด้วยการรับฟังและเปิดกว้างของผู้กำกับจางแทยู จึงมีการใส่แอ็กติ้งด้นสดและไอเดียใหม่ๆ มากมาย ยุนอาเล่าว่า
“ก่อนหน้านี้ซีนที่พูดว่า ‘ไม่มีจังหวะ จังหวะไม่มี’ อะไรพวกนี้ ก็เป็นการด้นสดเกือบทั้งหมด”
หลังจากความสำเร็จของ King the Land ครั้งนี้ยุนอาก็พาซีรีส์ Bon Appétit, Your Majesty โกยความนิยมต่อ แต่เมื่อถูกถามถึงความกังวลเรื่องบทบาทการแสดงที่ซ้ำๆ เดิมๆ ในแนวโรแมนติกคอมเมดี้ เธอตอบด้วยรอยยิ้มว่า
“จริงๆ แล้วละครก็มีเสน่ห์ตรงรสชาติที่คุ้นเคยนี่แหละค่ะ คล้ายๆ กับ ‘ข้อยกเว้นของละคร’ ที่เพราะมันคือละคร โครงสร้างโดยรวมจึงอาจคล้ายกัน โดยเฉพาะเมื่อมีบทความรักเข้ามา องค์ประกอบพวกนั้นก็เหมือนรสชาติที่ผู้ชมรัก แต่ด้วยสถานการณ์และคาแรกเตอร์ที่ต่างออกไป ก็สามารถให้บรรยากาศใหม่ๆ ได้”
ก่อนจะเป็นนักแสดง ยุนอายังเป็น “เซ็นเตอร์แห่งโซนยอชิแด” ซึ่งกำลังจะครบรอบ 20 ปีการเดบิวต์
“สมาชิกก็ถ่ายรูปตอนดู Bon Appétit, Your Majesty แล้วส่งลงในแชทกลุ่ม ซูยองออนนีถึงกับบอกว่า ‘วันนี้กำลังกินสเต๊กอยู่’ ในวันที่ซีรีส์มีฉากสเต๊กออกมา ส่วนทิฟฟานีออนนีก็บอกว่าดูอยู่เหมือนกัน ทุกคนยังคงคอยเอาใจช่วยกันและกันเหมือนเดิม โซนยอชิแดสำหรับฉัน ไม่ว่าจะตอนนี้หรือเมื่อก่อนก็ไม่ต่างกัน สำหรับฉัน โซนยอชิแดคือโซนยอชิแดตลอดไป”
สุดท้าย ยุนอากล่าวขอบคุณผู้ชมว่า
“ทุกผลงานฉันทุ่มเทและเตรียมตัวด้วยความรักอย่างสม่ำเสมอ และรู้สึกว่าผู้ชมมองเห็นความสม่ำเสมอนั้น ฉันเคยบอกว่าอยากเป็นนักแสดงที่เวลาเห็นคาแรกเตอร์แล้วผู้ชมพยักหน้าเข้าใจได้ ตอนนี้ฉันรู้สึกถึงการตอบรับนั้นจริงๆ เลยภูมิใจมาก เหมือนมันเป็นการยืนยันว่าฉันกำลังก้าวเดินไปอย่างถูกทาง”
ที่มา Popcornfor2
รูป SM Entertainment
October 1, 2025
read more