ป้าคิมแซรน แฉแชทลับ-ภาพจูบแก้ม คิมซูฮยอน ยัน คบหาตั้งแต่อายุ 15 ชาวเน็ตร้องปลดงาน

March 12, 2025

ป้า ‘คิมแซรน’ เปิดภาพแชท หลานสาวร่อนข้อความหา ‘คิมซูฮยอน’ วอนขอเวลาใช้หนี้ เผย คบหาตอนอายุเพียง 15 ก่อนแชร์ภาพจูบแก้มว่อนเน็ต ชาวเน็ตขู่คว่ำบาตรแบรนด์ดัง หากไม่ปลดพรีเซนเตอร์

ยังคงเป็นประเด็นร้อนแรงในวงการบันเทิงเกาหลีใต้ สำหรับข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง “คิมแซรน” (Kim Sae Ron) นักแสดงสาวซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และนักแสดงหนุ่มชื่อดัง “คิมซูฮยอน” (Kim Soo Hyun) หลังจากที่เคยมีภาพหลุดของทั้งคู่แก้มแนบชิดกัน ก่อนจะถูกลบออกไปอย่างรวดเร็ว

ล่าสุด สื่อเกาหลีใต้ ได้เปิดเผยข้อความที่อ้างว่าเป็นของ คิมแซรน ส่งถึง คิมซูฮยอน เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2024 โดยป้าของ คิมแซรน กล่าวว่า หลังจากที่เธอประสบอุบัติเหตุเมาแล้วขับชนเสาไฟฟ้า ทำให้บ้านเรือนบริเวณนั้นไฟดับจึงต้องชดใช้ค่าเสียหายให้

ทางบริษัท ‘Gold Medalist’ ซึ่งเคยเป็นต้นสังกัดของ คิมแซรน และก่อตั้งโดย คิมซูฮยอน เป็นผู้ที่ออกเงินชดใช้ค่าเสียหายให้ก่อนจำนวน 700 ล้านวอน หรือ ประมาณ 16 ล้านบาท ซึ่งพระเอกหนุ่มบอกว่าเธอไม่ต้องจ่ายคืนก็ได้ แต่ในปี 2024 จู่ ๆ บริษัทก็ฟ้องร้องเรียกเงินจำนวนดังกล่าวคืนเป็นเงินสูงถึง 2 หมื่นล้านวอน หรือประมาณ 462 ล้านบาท

ข้อความที่ป้าของคิมแซรนออกมาเปิดเผยระบุว่า หลานสาวได้ทักแชทไปหาคิมซูฮยอนเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2024 และขอร้องให้เขายืดเวลาในการชำระหนี้แทนที่จะฟ้องร้องดำเนินคดี โดยข้อความดังกล่าวแปลเป็นภาษาไทยความว่า

“พี่คะ นี่แซรนเองค่ะ ฉันได้รับหนังสือรับรองวันนี้ ว่า Gold Medalist กำลังฟ้อง พี่บอกว่าจะให้เวลาฉันมากพอ ฉันเลยพยายามอย่างหนักเพื่อเตรียมตัวกลับมาทำงานและจะจ่ายเงินคืนให้พี่เป็นเปอร์เซ็นต์จากงานแต่ละชิ้น ฉันไม่ได้บอกว่าจะไม่จ่าย แต่ถ้าพี่เรียกเงิน 700 ล้านวอน (ประมาณ 16 ล้านบาท) ตอนนี้ฉันทำอะไรไม่ได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่จ่าย แต่ไม่มีจริง ๆ พี่ต้องทำถึงขั้นฟ้องร้องเลยเหรอคะ? ได้โปรดช่วยฉันด้วย… ฉันขอร้อง ให้เวลาฉันหน่อยนะคะ”

หลังจากที่ข้อความดังกล่าวถูกเปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา ป้าของคิมแซรนก็ออกมาเปิดโปงเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ทั้งภาพถ่ายและข้อความที่พูดคุยกัน

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ทั้งคู่เริ่มคบหากันตั้งแต่ปี 2015 ในขณะที่ คิมแซรน อายุเพียง 15 ปี และ คิมซูฮยอน อายุ 27 ปี ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดำเนินมาเป็นเวลา 6 ปี จนถึงปี 2021 นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่ภาพของทั้งคู่ในโลกออนไลน์ที่ดูเหมือนจะถ่ายในเวลาเดียวกับภาพที่เคยเป็นประเด็นก่อนหน้านี้ โดยในภาพนั้นพระเอกหนุ่มกำลังจูบแก้มของนักแสดงสาวอยู่

อย่างไรก็ตาม Gold Medalist หรือ ต้นสังกัดของคิมซูฮยอนยังไม่ได้ออกมาแถลงการณ์หรือให้ความเห็นใด ๆ หลังจากที่ป้าของคิมแซรนออกมาเผยสัมพันธ์ของทั้งคู่

ทั้งนี้ หลังจากข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์และข้อกล่าวหาต่าง ๆ ถูกเผยแพร่ออกไป อินสตาแกรมของ คิมซูฮยอน ก็เต็มไปด้วยความคิดเห็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์และถ้อยคำแสดงความเกลียดชัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากชาวเน็ตต่างชาติ

ชาวเน็ตขู่คว่ำบาตร 19 แบรนด์ดัง หากไม่ปลดคิมซูฮยอนพ้นพรีเซนเตอร์

ปัจจุบันคิมซูฮยอนถือเป็นนักแสดงชื่อดังเบอร์ต้นของเกาหลีใต้ ด้วยความนิยมที่ล้นหลามทำให้เขาได้เป็นพรีเซนเตอร์ของแบรนด์ดังถึง 19 แบรนด์ ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งแฟชั่นหรู, การเงิน, เครื่องสำอาง, และค้าปลีก แต่หลังจากที่ครอบครัวของคิมแซรนออกมากล่าวหาว่าเขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้นักแสดงสาวตัดสินใจจบชีวิตตนเองลง ทำให้ชาวเน็ตเกาหลีจำนวนมาก มองว่า ภาพลักษณ์ของเขาไม่เหมาะสมกับค่านิยมของแบรนด์เหล่านี้อีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการเงินที่ความสำคัญกับภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีงาม

ขณะนี้ กระแสการต่อต้านยังคงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ชาวเน็ตเรียกร้องให้คว่ำบาตรแบรนด์ที่ยังคงร่วมงานกับคิมซูฮยอน ล่าสุด Homeplus ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เขาเป็นพรีเซนเตอร์ให้ถูกจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากคาดการณ์ว่า การยกเลิกสัญญาที่มีมูลค่าสูงอาจส่งผลให้บริษัทต้องเสียค่าปรับจำนวนมหาศาล

อย่างไรก็ตาม แรงกดดันกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากชาวเน็ตจำนวนมากมองว่า บริษัทต่าง ๆ ต้องดำเนินการหรือแก้ไขเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยด่วน เพื่อเป็นการปกป้องชื่อเสียงของตนเอง

ที่มา The Tiger

รูป Gold Medalist

พัคอึนบิน พูดถึงความเป็นไปได้ที่จะมี ‘Extraordinary Attorney Woo’ และ ‘Hyper Knife’ ซีซั่น 2

พัคอึนบิน (Park Eun Bin) พูดถึงความเป็นไปได้สำหรับการสร้างซีรีส์เรื่อง ‘Extraordinary Attorney Woo’ และ ‘Hyper Knife’ ซีซั่น 2 เมื่อถามว่าซีรีส์เรื่อง ‘Extraordinary Attorney Woo’ ยืนยันว่าจะสร้างซีซั่น 2 แล้วหรือไม่ พัคอึนบินตอบว่า “รู้สึกอบอุ่นที่คนรอซีรีส์เรื่องนี้อีกซีซั่น ทำให้เห็นว่าคนรักซีรีส์เรื่องนี้มากแค่ไหน และทำให้ฉันมีความสุขในฐานะนักแสดง แต่ว่าไม่มีใครรู้อนาคตค่ะ เราไม่รู้ว่าเราจะเจอกับเรื่องอะไรและอะไรจะเกิดขึ้น” เธอพูดต่อ “ฉันคิดว่าซีซั่น 2 จะเกิดขึ้นได้ต้องมีเรื่องที่น่าเล่ามากกว่าซีซั่นแรก ถ้าไม่เป็นแบบนั้น ฉันคิดว่าคงไม่ง่ายที่จะทำต่อ และพูดตามตรง ฉันไม่ได้รับการอัพเดทข่าวหรือติดต่อมาเรื่องซีซั่น 2 เลยค่ะ” สำหรับผลงานการแสดงเรื่องล่าสุดอย่าง Hyper Knife พัคอึนบินบอกว่า “ฉันไม่รู้อะไร [เกี่ยวกับซีซั่น 2] เช่นกัน เพราะว่าซีซั่น 1 เพิ่งออกอากาศไป เราเลยอยากให้คนชอบและสนับสนุนภาคนี้กันมากๆก่อน หลายคนบอกฉันว่ารอดูแบบรวดเดียวจบ และถ้าคุณชอบซีรีส์ ฉันจะดีใจมากถ้าคุณบอกต่อ บอกเราว่าชอบเรื่องนี้กันเยอะๆหลังจากดูซีรีส์กันด้วยนะคะ” Hyper Knife เล่าเรื่องของเซอ๊ก (รับบทโดย พัคอึนบิน) แพทย์ศัลยกรรมประสาทอัจฉริยะที่ตกลงสู่จุดต่ำสุดด้วยน้ำมือของ ด๊อกฮี (รับบทโดย ซอลคยองกู (Sol Kyung Gu)) อาจารย์ของเธอ ทั้ง 2 คนได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในสถานการณ์ที่ตึงเครียด ที่มา Popcornfor2 รูป The Walt Disney Company Korea

April 18, 2025

ผู้กำกับชินวอนโฮ พูดถึงโอกาสในการทำ Hospital Playlist ซีซั่น 3

สำหรับแฟนคลับของซีรีส์เรื่อง Hospital Playlist ที่อยากให้ซีรีส์มีซีซั่น 3 ต้องบอกว่าไม่ใช่จะหมดหวังไปเสียทีเดียว เพราะ ผู้กำกับ ชินวอนโฮ (Shin Won Ho) ได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ ระหว่างพูดคุยเกี่ยวกับผลงานการกำกับภาคแยกของ Hospital Playlist อย่างเรื่อง Resident Playbook ที่เพิ่งปล่อยให้ชมกันทาง Netflix ผู้กำกับกล่าวว่า “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้ชมจริงๆ ถ้าเราได้รับฟีดแบคมากพอ เราอาจจะพิจารณาทำมัน” เขาพูดต่อ “ผมยังรู้สึกได้ว่ามีคนอยากให้ทำ Hospital Playlist ซีซั่น 3 ทั้งผู้ชมและนักแสดงต่างกดดันผมมาตลอด ถ้าสุดท้ายผมทำซีรีส์ภาคใหม่เรื่องนี้จริงๆ คงเพราะว่ารับความกดดันไม่ไหวนี่แหละ” เขาพูดติดตลก และยืนยันว่าหากผู้ชมยังคงแสดงความสนใจต่อซีรีส์เรื่อง Hospital Playlist ต่อไป โอกาสที่จะมีซีซั่น 3 นั้นก็ยังคงไม่หมดไป Hospital Playlist เป็นซีรีส์ทางการแพทย์ที่มีทั้งหมด 2 ซีซั่น ซึ่งออกอากาศไปเมื่อปี 2020 และ 2021 เล่าเรื่องของอาจารย์แพทย์ 5 คนที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เป็นนักศึกษาแพทย์ พวกเขาถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตในด้านต่างๆ ทั้งการสูญเสีย, ความรัก และความชื่นชอบในการทำวงดนตรี แม้งานที่โรงพยาบาลจะยุ่งก็ตาม ซีรีส์ได้รับความรักจากผู้ชมมากมาย โดย 5 นักแสดงนำได้แก่ โจจองซอก (Jo Jung Suk), ยูยอนซอก (Yoo Yeon Seok), จองคยองโฮ (Jung Kyung Ho), คิมแดมยอง (Kim Dae Myung) และ จอนมีโด (Jeon Mi Do) ส่วนเรื่อง Resident Playbook เป็นภาคแยกของเรื่อง Hospital Playlist ที่ออกอากาศตอนแรกให้ชมกันเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2025 เล่าเรื่องของแพทย์ประจำบ้านแผนกสูตินรีเวชที่ต้องรับแรงกดดันทั้งจากสิ่งแวดล้อมในการทำงานและสถานการณ์กดดัน ซีรีส์ทั้ง 2 เรื่องต่างถ่ายทอดเรื่องราวที่อบอุ่นหัวใจที่มีศูนย์กลางคือผู้คนที่พบเจอได้ในโลกแห่งความจริง และสำหรับภาคใหม่ของ Hospital Playlist ก็ยังมีความหวัง คงต้องพึ่งพลังของแฟนคลับเรื่องนี้ในการเป็นกระบอกเสียงให้ทีมผู้สร้างเห็นว่าการกลับมาของทีมแพทย์ศูนย์การแพทย์ยูลเจนั้นจะทำให้ผู้ชมมีความสุขมากแค่ไหน ที่มา Popcornfor2 รูป tvN

April 17, 2025

ยอดใบจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมของ ยูยอนซอก ลดจาก 7 พันล้าน เหลือ 3 พันล้านวอน

วันที่ 10 เมษายน King Kong by Starship ต้นสังกัดของ ยูยอนซอก ได้ออกมาประกาศว่า “หลังจากเข้าสู่ขั้นตอนทางกฎหมายและชี้แจงหลักฐาน เราพบว่ามีการตรวจสอบภาษีซ้ำซ้อน 2 ครั้งในขั้นตอนการรีวิวเอกสารขั้นแรก และเพื่อคำนวนตัวเลขภาษีใหม่ โดยไม่คิดภาษีนิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชำระไปแล้วเรียบร้อย ทำให้ยูยอนซอกต้องจ่ายเงินอีก 3 พันล้านวอน ซึ่งเขาได้ชำระไปเรียบร้อยแล้ว” ต้นสังกัดได้อธิบายต่อ “ตั้งแต่ปี 2015 ยูยอนซอกได้ทำช่อง YouTube ซึ่งเป็นกิจกรรมเพิ่มเติมจากผลงานในวงการของเขา เขายังได้ลองทำธุรกิจและเข้าสู่ธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร ทำให้เกิดประเด็นขึ้นมาเพราะว่ารายได้จากส่วนนี้ถูกพิจารณาว่าเป็นเงินได้บุคคลแทนที่จะเป็นนิติบุคคล ทำให้มีการจัดเก็บภาษีเงินได้ เรากำลังอยู่ในขั้นตอนการอุทธรณ์ตามกฎหมายและดำเนินการให้สอดคล้องกับการตีความและการบังคับใช้ตามกฎหมาย” ต้นสังกัดอธิบายต่อ “เรื่องภาษีที่เกิดขึ้น ไม่ได้เป็นการเลี่ยงภาษี หรือ ไม่จ่ายภาษี แต่มันเกิดจากการตีความที่ไม่ตรงกันของกฎหมายภาษี ยูยอนซอกเต็มใจในการจ่ายภาษีเสมอ และจะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดในฐานะประชาชนคนหนึ่ง” สำหรับก่อนหน้านี้ กรมสรรพากรได้มีการตรวจสอบภาษีของยูยอนซอก และมีการเรียกเก็บภาษีเป็นจำนวนเงิน 7 พันล้านวอน รวมถึงภาษีเงินได้ เรื่องนี้เกิดจากที่ยูยอนซอกก่อตั้งบริษัทของตัวเองชื่อว่า Forever Entertainment ซึ่งเจ้าหน้าที่สรรพากรตรวจพบประเด็นเกี่ยวกับการจ่ายภาษีจากส่วนนี้ จนนำไปสู่การสอบสวน ด้านยูยอนซอกได้ปฏิเสธใบแจ้งยอดภาษี และขอให้มีการตรวจสอบขั้นต้นใหม่ เพื่อแก้ไขยอดภาษีที่ถูกเรียกเก็บ ที่มา Popcornfor2 รูป KINGKONG by STARSHIP

April 11, 2025

สื่อดังแฉ คิมมินฮี คลอดลูกชาย ฮงซังซู แล้ว หลังสานสัมพันธ์นาน 9 ปี ฐานะชู้รัก

Dispatch เล่นข่าวใหญ่ ‘คิมมินฮี’ คลอดลูกชายของเธอ กับผู้กำกับรุ่นใหญ่ ‘ฮงซังซู’ หลังมีข่าวลือหนาหู สานสัมพันธ์อื้อฉาว 9 ปี ทั้งที่ฝ่ายชายยังไม่หย่า สืบเนื่องจากกรณีที่ปาปารัสซี่เบอร์ใหญ่ของเกาหลีใต้ Dispatch ออกมาเผยภาพถ่ายของนักแสดงสาวมากฝีมือ “คิมมินฮี” วัย 42 ปี กับผู้กำกับรุ่นใหญ่ วัย 64 ปี “ฮงซังซู” พร้อมปล่อยข่าวว่า ทั้งสองกำลังคบหาดูกันใจ และขณะนี้คิมมินฮีก็กำลังตั้งท้องได้ 6 เดือนแล้ว ล่าสุด (8 เมษายน 2568) มีรายงานจากสำนักข่าว News1 ว่า Dispatch ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการ ‘คิมมินฮี’ ให้กำเนิดบุตรชาย ของเธอกับผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ‘ฮงซังซู’ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้ตอกย้ำความสัมพันธ์อันยาวนานกว่า 9 ปี ที่เต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ตามรายงานของ Dispatch ระบุว่า คิมมินฮี เพิ่งคลอดบุตรชายเมื่อเร็ว ๆ นี้ และปัจจุบันกำลังพักฟื้นอยู่ที่ศูนย์ดูแลหลังคลอดแห่งหนึ่งในเมืองฮานัม จังหวัดคยองกี ซึ่งเป็นเมืองที่เธอและผู้กำกับฮงซังซูใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ข่าวการตั้งครรภ์ของ คิมมินฮี เริ่มถูกพูดถึงครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีข้อมูลว่าเธอตั้งครรภ์ตามธรรมชาติกับผู้กำกับฮงซังซู ตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปี 2567 ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยมีภาพถ่ายของทั้งคู่ขณะเดินทางไปคลินิกสูตินรีเวช ในเมืองฮานัมด้วยกัน ถูกเผยแพร่ออกมา ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ช่างภาพเคยถ่ายภาพของ คิมมินฮี และ ฮงซังซู ขณะเตรียมเดินทางจากสนามบินนานาชาติอินชอน เพื่อไปร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลิน ครั้งที่ 75 ซึ่งในขณะนั้น คิมมินฮี กำลังอุ้มท้องแก่ใกล้คลอด และแม้จะพยายามสวมแว่นกันแดดปิดบังตัวเอง แต่หลาย ๆ คนก็รู้ว่าเป็นเธอ ย้อนความสัมพันธ์อื้อฉาว 9 ปี ที่ก้าวสู่การเป็นครอบครัว ความสัมพันธ์ระหว่าง คิมมินฮี และ ฮงซังซู เริ่มต้นขึ้นจากการร่วมงานกันในภาพยนตร์เรื่อง ‘Right Now, Wrong Then’ (지금은 맞고 그때는 틀리다) เมื่อปี 2015 และพัฒนามาเป็นความรักต่างวัย ที่เต็มไปด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง เนื่องจากในขณะนั้นจวบจนถึงปัจจุบัน ผู้กำกับ ฮงซังซู ยังคงมีสถานะสมรสตามกฎหมายกับภรรยาเก่า และยังไม่ได้หย่าขาดจากกัน อย่างไรก็ตาม ในปี 2017 ระหว่างงานแถลงข่าวภาพยนตร์เรื่อง ‘On the Beach at Night Alone’ (밤의 해변에서 혼자) ผู้กำกับ ฮงซังซู ได้ออกมายอมรับความสัมพันธ์กับ คิมมินฮี อย่างเป็นทางการด้วยตนเอง และนับจากนั้นมา ทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตในฐานะคู่รักกันอย่างเปิดเผย แม้จะอยู่ในสถานะ “ความสัมพันธ์แบบชู้รัก” ที่ถูกสังคมจับตามองและวิจารณ์มาโดยตลอดระยะเวลากว่า 9 ปีก็ตาม การให้กำเนิดบุตรชายในครั้งนี้ ถือเป็นอีกบทพิสูจน์ถึงความสัมพันธ์ที่ยังคงเหนียวแน่นของทั้งคู่ ท่ามกลางมรสุมข่าวและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ถาโถมเข้ามาตลอดหลายปี ที่มา The Tiger รูป NocutNews

April 10, 2025

Resident Playbook เผยศิลปินมากมายมาร่วมร้องเพลงประกอบซีรีส์

เมื่อวันที่ 8 เมษายน ทีมผู้สร้างซีรีส์ Resident Playbook เผยภาพโปสเตอร์รายชื่อเพลงประกอบละครพร้อมวิดีโอตัวอย่างเพลงประกอบออกมาแล้ว Resident Playbook ซีรีส์ภาคแยกจาก Hospital Playlist จะถ่ายทอดชีวิตในโรงพยาบาลที่สมจริงและเข้าถึงได้ การเติบโต และมิตรภาพอันอบอุ่นใจของแพทย์สูตินรีเวชสาขาหนึ่งของศูนย์การแพทย์ยุลแจ โปสเตอร์ดังกล่าวมีภาพของ Lee Know, Seungmin และ I.N จากวง Stray Kids รวมถึง ยูจิน (Yujin) จากวง IVE, โดคยองซู (D.O.), วินเตอร์ (Winter) จากวง aespa, TXT, DK จากวง SEVENTEEN และ มินนี่(Minnie) จากวง (G)I-DLE นอกเหนือจากศิลปิน K-pop ที่มีชื่อเสียงที่จะมาร่วมร้องเพลงประกอบซีรีส์แล้ว โปสเตอร์ดังกล่าวยังเผยให้เห็นถึงนักร้องลึกลับที่ยังไม่ได้เปิดเผยตัวตนอีกด้วย ทีมงานผู้ผลิตกล่าวว่า “เพื่อให้สอดคล้องกับเรื่องราวของวัยรุ่นที่เริ่มต้นชีวิตใหม่ เราจึงได้แต่งเพลงประกอบละครโดยนำเอาไอดอลวัยรุ่นมาแต่งโดยเฉพาะ ดนตรีประกอบที่ผสมผสานบุคลิกและอารมณ์ที่หลากหลายของศิลปินคาดว่าจะทำให้ผู้ชมดื่มด่ำกับเรื่องราวได้มากขึ้น” Resident Playbook เตรียมสตรีมใน Netflix ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ เริ่ม 12 เมษายน นี้ ที่มา Popcornfor2 รูป STUDIO MAUMC

April 9, 2025

คูจุนยอบ สามีต้าเอส น้ำหนักลดฮวบหลังสูญเสียภรรยา เบรคงานในวงการ เร่งสร้างหุ่นเป็นอนุสรณ์

ภายหลังจากการสูญเสียนักแสดงชื่อดัง ต้าเอส หรือ สวีซีหยวน นางเอกจากซีรีส์สุดฮิต รักใสใสหัวใจ 4 ดวง ผู้รับบท ซานไช่ จากโลกนี้ไปอย่างสงบหลังล้มป่วยด้วยโรคปอดอักเสบ สร้างความโศกเศร้าให้แก่ครอบครัวเป็นอย่างมาก ล่าสุดสื่อจีนหลาย ๆ สำนักได้มีการรายงานข่าวของ คูจุนยอบ สามีต้าเอส หลังจากที่ภรรยาผู้เป็นที่รักได้จากไปร่วม 3 เดือน ว่า “หลังจากเสร็จสิ้นพิธีศพต้าเอสคูจุนยอบก็ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะอีกเลย แถมเขายังตรอมใจขั้นหนักร้องไห้ทุกวันจนซูบผอม น้ำหนักลดลงไปมากถึง 12 กิโลกรัม แต่ทางครอบครัวของต้าเอส นำโดยน้องสาวของเธอ สวีซีตี้ หรือ เสี่ยวเอส มักจะชวนดีเจคูมาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกันทุกสัปดาห์ เพื่อช่วยบรรเทาความทุกข์โศกของเขา” มีรายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน คูจุนยอบได้หยุดพักกิจกรรมในวงการบันเทิงทั้งหมด และกำลังทุ่มเทเวลาให้กับการสร้างรูปปั้นเพื่อเป็นการระลึกถึงภรรยา ถึงแม้ว่ารูปปั้นจะยังอยู่ในขั้นตอนการสร้างและยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ก็มีข่าวออกมาว่า เขาได้ทำการจองสถานที่สำหรับตั้งรูปปั้นนี้ไว้ที่สุสานจินเป่าซาน (Jinbaoshan Cemetery) เรียบร้อยแล้ว สำหรับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ย้อนไปในปี 1998 คูจุนยอบ และ สวีซีหยวน เคยคบหาดูใจกันเป็นเวลาประมาณ 1 ปี ก่อนจะตัดสินใจแยกทางกันไป หลังจากนั้น ต้าเอส ได้แต่งงานกับ หวังเสี่ยวเฟย (Wang Xiaofei) นักธุรกิจชาวจีน และมีทายาทด้วยกัน 2 คน เป็นลูกชาย 1 คน และลูกสาว 1 คน แต่ชีวิตคู่ก็จบลงด้วยการหย่าร้างในปี 2021 เมื่อคูจุนยอบทราบข่าวการหย่าร้างของอดีตคนรัก เขาจึงได้ติดต่อกลับไปหาเธออีกครั้ง ทำให้ทั้งสองได้กลับมาสานสัมพันธ์ และตัดสินใจจดทะเบียนสมรสกันในปี 2022 แต่เรื่องน่าเศร้าก็เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 ต้าเอส ได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันด้วยอาการปอดอักเสบเฉียบพลัน ขณะเดินทางท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับครอบครัวและแฟน ๆ เป็นอย่างมาก ที่มา The Tiger รูป Instagram ต้าเอส @hsushiyuan

April 8, 2025

ต้นสังกัด คิมซูฮยอน โต้เดือด ไม่เคยบังคับ ซอลลี่ ถ่ายเปลือย-ร่วมรัก ในหนัง Real

Gold Medalist ต้นสังกัด ‘คิมซูฮยอน’ โต้ข่าว บังคับ ‘ซอลลี่’ ถ่ายทำฉากเปลือย-ร่วมรักร้อนแรง ในหนังเรื่อง “Real” ยืนยันนักแสดงรู้บทตั้งแต่แรก มีหลักฐานครบ วอนหยุดลากพระเอกหนุ่มกับประเด็นนี้ ยังคงออกมาโต้ข้อกล่าวหาว่าร้ายอย่างต่อเนื่อง สำหรับบริษัท Gold Medalist ต้นสังกัดของนักแสดงหนุ่ม ‘คิมซูฮยอน’ ที่ก่อตั้งโดย “อีซารัง” ดีกรีผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ‘Real’ ซึ่งก่อนหน้านี้ พี่ชายของ “ซอลลี่” นักแสดงสาวผู้ล่วงลับ ซึ่งเธอเคยร่วมแสดงประกบคู่กับคิมซูฮยอน ในภาพยนตร์ดังกล่าว ได้ออกมาโพสต์ตั้งข้อสงสัยผ่านโซเชียลมีเดียว่า น้องสาวของตนอาจถูกกดดันหรือบังคับให้แสดงฉากบนเตียง และฉากเปลือยในระหว่างการถ่ายทำเรื่อง Real ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 Gold Medalist จึงได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงอย่างละเอียด เพื่อปฏิเสธข้อกล่าวหาของทางครอบครัวซอลลี่ โดยทางบริษัทยืนยันว่า บทบาท ‘ซงยูฮวา’ ที่ซอลลี่แสดงนั้น มีการระบุไว้อย่างชัดเจนในบทภาพยนตร์ตั้งแต่ต้นว่า “มีฉากบนเตียง” ดังนั้นในขั้นตอนการคัดเลือกนักแสดงจึงมีการระบุคุณสมบัติสำคัญไว้ว่า ต้องการนักแสดงที่สามารถแสดงฉากเปิดเผยร่างกายได้ “เช่นเดียวกับการประกาศรับสมัครงานทั่วไป ที่ต้องระบุคุณสมบัติจำเป็นสำหรับตำแหน่งนั้น ๆ บทบาทซงยูฮวา ซึ่งมีฉากเปลือยเป็นส่วนสำคัญของตัวละคร จึงเป็นเรื่องที่ต้องแจ้งให้นักแสดงทราบล่วงหน้า การมาพูดคุยเรื่องฉากเปลือยหลังจากแคสติ้งนักแสดงไปแล้วต่างหาก ที่จะเป็นการสร้างภาระและอาจเข้าข่ายการบังคับนักแสดง” Gold Medalist งัดหลักฐานโต้ บทภาพยนตร์-สัญญา-สตอรี่บอร์ด นอกจากนั้น ทาง Gold Medalist ยังยืนยันด้วยว่า บทภาพยนตร์ที่ส่งให้ ซอลลี่ และต้นสังกัดของเธอในขณะนั้น (SM Entertainment) พิจารณา ก็มีฉากบนเตียงปรากฏอยู่ เอกสารอธิบายตัวละครซงยูฮวาก็มีตัวอย่างภาพร่าง (Mood Board/Reference) ที่แสดงให้เห็นถึงระดับของการเปิดเผยร่างกาย ในขั้นตอนการเซ็นสัญญา ยังมีการระบุขอบเขตของการเปิดเผยร่างกายไว้เป็นข้อตกลงแยกต่างหากอย่างชัดเจน Gold Medalist ได้เปิดเผยส่วนหนึ่งของสตอรี่บอร์ด (Storyboard/Conti) ที่แสดงให้เห็นฉากบนเตียงของตัวละครชายหญิงประกอบคำชี้แจงด้วย “ซอลลี่และต้นสังกัด ณ เวลานั้น ได้พิจารณาเนื้อหาทั้งหมดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วก่อนตัดสินใจรับแสดง อย่างไรก็ตาม ทีมงานทราบดีว่าฉากบนเตียงเป็นฉากที่ต้องใช้ความกล้าอย่างมากสำหรับนักแสดง เราจึงมีการเตรียมงานล่วงหน้าอย่างเพียงพอ และซอลลี่เองก็ได้รับทราบและทำความเข้าใจเกี่ยวกับฉากดังกล่าวเป็นอย่างดีก่อนเข้าถ่ายทำ” และเพื่อเป็นการยืนยันข้อเท็จจริง Gold Medalist จึงได้เปิดเผยภาพส่วนหนึ่งของสตอรี่บอร์ด (Storyboard/Conti) ที่แสดงให้เห็นฉากบนเตียงของตัวละครชายหญิงประกอบคำแถลงการณ์ฉบับนี้ด้วย เคลียร์ปม “นักแสดงแทน” ในภาพยนตร์ Real ในส่วนของประเด็นเรื่องนักแสดงแทน ที่พี่ชายของซอลลี่ตั้งข้อสงสัยนั้น Gold Medalist ชี้แจงว่า ในกองถ่ายมี “นักแสดงยืนแทนตำแหน่ง (Standing Actor/Stand-in)” ซึ่งทำหน้าที่แทนนักแสดงหลักเฉพาะในขั้นตอนการเตรียมการถ่ายทำ เช่น การจัดตำแหน่งนักแสดง การวัดแสง หรือการซ้อมมุมกล้องเท่านั้น แต่ไม่ได้มีหน้าที่เข้าฉากทำการแสดงจริง โดย Gold Medalist ได้เปิดเผยหนังสือยืนยันข้อเท็จจริง จากผู้ช่วยผู้กำกับ คิมจุงอก และ ผู้กำกับบท อีจุนฮยอน ซึ่งทำงานในกองถ่ายภาพยนตร์ Real เพื่อสนับสนุนคำชี้แจงของบริษัท “คิมซูฮยอน” ไม่เกี่ยวข้อง “ซอลลี่” Gold Medalist ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า คิมซูฮยอน ซึ่งร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Real ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับประเด็นโต้แย้งนี้ และทางบริษัทไม่เคยติดต่อไปยังคุณแม่ของซอลลี่ ตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด “เราไม่เคยติดต่อคุณแม่ของซอลลี่ และไม่ทราบข้อมูลติดต่อของท่านด้วยซ้ำ” วอนหยุดสร้างข่าวลือ – ฉวยโอกาสจากสถานการณ์ปัจจุบัน ทางต้นสังกัดได้แสดงความเข้าใจว่า ครอบครัวอาจมีความสงสัยในเรื่องราวที่ได้ยินมา แต่การนำเรื่องราวเมื่อ 6 ปีก่อนมาพูดถึงในตอนนี้ และการโพสต์เรื่องที่ไม่เป็นความจริงราวกับเป็นสิ่งที่ประสบมาด้วยตนเองลงบนโซเชียลมีเดีย เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ยาก “การโน้มน้าวหรือบังคับนักแสดงให้ถ่ายทำฉากบนเตียงหรือฉากเปลือย เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในกองถ่ายใด ๆ เราขอให้หยุดการคาดเดาอย่างปราศจากมูลความจริง เพราะเป็นการสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับภาพยนตร์ Real นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมายังมีการพยายามสร้างข่าวลือที่ไม่ผ่านการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยอาศัยสถานการณ์ปัจจุบันของคิมซูฮยอน เราขอความกรุณาอย่างยิ่งให้ยุติการคาดเดาต่าง ๆ เหล่านี้” ที่มา The Tiger รูป CJ Entertainment

April 4, 2025

เดือดไม่จบ! เพื่อน “คิมแซรน” เตรียมแฉ “คิมซูฮยอน” หลังดื้อเพ่ง ไม่ยอบรับคบกับผู้เยาว์

เดือดไม่จบ! เพื่อน คิมแซรน 8 คน ตรียมแฉ คิมซูฮยอน หลังดื้อเพ่ง ไม่ยอบรับคบกับผู้เยาว์ แถมฟ้องกลับครอบครัว 279.6 ล้านบาท บัลลังก์พระเอกอันดับ 1 คงกลับมายาก หลัง “คิมซูฮยอน” พระเอกซุปตาร์จัดแถลงข่าวเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา โต้กลับข่าวลือความสัมพันธ์กับ “คิมแซรน” นักแสดงสาวผู้ล่วงลับ โดยยอมรับเพียงว่าคบหากันสั้นๆ เพียง 1 ปี ไม่ได้ได้คบกันมาตั้งแต่ฝ่ายหญิงอายุ 16 ปี ล่าสุดมีรายงานว่า เพื่อนของคิมแซรน 8 คน กำลังเตรียมออกแถลงการณ์โต้กลับ หลังผิดหวังกับเนื้อหาในการแถลงข่าวของซูฮยอนที่ไร้คำขอโทษ จากรายการ Case File 24 ซึ่งออกอากาศทางช่อง TV Chosun เมื่อวันที่ 1 เมษายน รายการได้อ้างคำให้สัมภาษณ์ของ ตัวแทนทางกฎหมายของครอบครัวคิมแซรน โดยระบุว่า “เราคาดหวังคำขอโทษที่จริงใจจากคิมซูฮยอน แต่กลับไม่มีเลยแม้แต่น้อย รายงานยังเปิดเผยว่าเพื่อนสนิทของคิมแซรนทั้ง 8 คน ต่างรับรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ตั้งแต่สมัยยังเป็นเยาวชน รู้สึกไม่พอใจกับท่าทีของคิมซูฮยอนที่ออกมาปฏิเสธชัดเจนว่า ‘ไม่ได้คบกันตอนเป็นผู้เยาว์’ จึงกำลังร่างแถลงการณ์ในนามกลุ่มเพื่อนสนิท ซึ่งอาจมีการเปิดเผยหากสถานการณ์บานปลายต่อ เพื่อนกลุ่มดังกล่าวแสดงความต้องการให้คิมซูฮยอน “ยอมรับความรู้สึกที่มีในช่วงวัยรุ่น และชี้แจงว่าหลังจากโตเป็นผู้ใหญ่ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคิมแซรนเป็นเพียงการพบปะตามปกติ” ย้อนกลับไป “คิมแซรน” เสียชีวิตอย่างกะทันหันเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สร้างความโศกเศร้าแก่แฟนๆ ทั่วเอเชีย ขณะที่ครอบครัวของเธอออกมายืนยันว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์กันจริง พร้อมเรียกร้องให้คิมซูฮยอนแสดงความรับผิดชอบ โดยเปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวของเขาออกสู่สาธารณะ จนส่งผลให้ภาพลักษณ์ของพระเอกหนุ่มเริ่มสั่นคลอน ทั้งในแง่งานแสดงและโฆษณา ด้าน คิมซูฮยอน แถลงข่าวตอบโต้ด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ผมไม่ได้คบกับใครตอนเป็นเยาวชน การพบกันทั้งหมดเกิดขึ้นหลังเราบรรลุนิติภาวะแล้ว ผมไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่ไม่ใช่ความจริง และจะพิสูจน์จุดยืนของตัวเองอย่างชัดเจน” ไม่เพียงเท่านั้น พระเอกหนุ่มยัง ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย 12,000 ล้านวอน หรือเงินไทย 279.6 ล้านบาท ต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง และเจ้าของช่องยูทูบ “Garoseo Research Institute” ฐานหมิ่นประมาท และละเมิดพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ประเด็นนี้ยังคงเป็นที่จับตามองจากทั้งสื่อเกาหลีและแฟนๆ ทั่วโลกว่า “ความจริง” ของความสัมพันธ์ในอดีตนี้จะถูกเปิดเผยอย่างไร และใครจะเป็นฝ่ายเสียหายมากกว่ากันในท้ายที่สุด ที่มา The Tiger รูป SPOTVnews

April 3, 2025

Disney+ พับแผนฉาย Knockoff ‘คิมซูฮยอน’ อาจโดนเรียกค่าเสียหายอ่วม

‘คิมซูฮยอน’ ส่อแววจ่ายค่าเสียหายอ่วม 1.8 แสนล้านวอน หรือกว่า 4.1 พันล้านบาท หลัง Disney+ ประกาศชัด ไม่มีแผนออกอากาศซีรีส์ “Knockoff” เซ่นปมร้อน เหตุโดนสังคมวิจารณ์หนัก ท่ามกลางกระแสข่าวฉาวต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง การออกมาแถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรก เพื่อปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาของนักแสดงหนุ่ม “คิมซูฮยอน” เกี่ยวกับความสัมพันธ์ในอดีตของเขา กับนักแสดงสาวผู้ล่วงลับ “คิมแซรน” กลับยิ่งเติมเชื้อไฟให้กับกระแสข่าวฉาวที่กำลังดำเนินอยู่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หนึ่งในผลกระทบที่เกิดขึ้นทันที หลังจบงานแถลงข่าวก็คือ การที่ Disney+ ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการว่า ซีรีส์เรื่อง “Knockoff” ที่นำแสดงโดย ‘คิมซูฮยอน’ นั้น ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด และไม่มีแผนที่จะออกอากาศแต่อย่างใด เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหลายรายแชร์ข้อความที่ได้รับจากทีมงาน Disney+ ผ่านทางอีเมล ลงในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ โดยเป็นข้อความที่ทางสตรีมมิ่งดิสนีย์พลัสได้ตอบกลับข้อซักถามของลูกค้าว่า “Knock-Off ไม่ได้อยู่ในกำหนดการฉายของ Disney+ ในปัจจุบัน” ขณะเดียวกัน ก็มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตรายหนึ่งกล่าวว่า “พวกเราไม่ได้รับการตอบกลับใด ๆ เกี่ยวกับคำถามเรื่อง ‘Knockoff’ แต่ล่าสุดเริ่มมีการตอบกลับมาบ้างแล้ว” โดยก่อนหน้านี้ (21 มีนาคม 2568) ทาง Disney+ เคยออกมาแถลงการณ์ว่า “หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว พวกเราได้ตัดสินใจที่จะระงับแผนการฉาย Knockoff ไว้ก่อน” เดิมทีซีรีส์เรื่องนี้มีกำหนดการฉายในช่วงครึ่งแรกของปี 68 ต่อจากซีรีส์ Hyper Knife แต่อย่างไรก็ตาม จากการประกาศล่าสุดนี้ การฉายซีรีส์เรื่องดังกล่าวจึงมีความน่ากังวล และไม่สามารถระบุช่วงเวลาแน่ชัดได้อีกต่อไป คาดการณ์ค่าเสียหายสูงสุด 1.8 แสนล้านวอน หรือกว่า 4.1 พันล้านบาท จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้คร่ำหวอดในวงการบันเทิงเกาหลีใต้จึงพากันจับตาถึงจำนวนเงินค่าเสียหายที่ คิมซูฮยอน อาจจะต้องจ่ายชดใช้ หากซีรีส์ Knockoff ซึ่งมีงบประมาณการสร้างสูงถึง 6 หมื่นล้านวอน (ประมาณ 1,380,000,000 บาท) ถูกยกเลิกการฉายในที่สุด ปกติแล้ว หากผลงานซีรีส์ถูกยกเลิกฉาย เนื่องจากปัญหาส่วนตัวของนักแสดงคนใดคนหนึ่ง ผู้นั้นอาจถูกเรียกร้องค่าเสียหายเป็นจำนวน 2-3 เท่าของค่าตัว หรืออาจรวมถึงส่วนหนึ่งของงบประมาณการผลิตด้วย ซึ่งในกรณีของ คิมซูฮยอน มีการคาดการณ์ว่าค่าเสียหายที่เขาอาจจะต้องชดใช้นั้นมีมูลค่าตั้งแต่ 1.8 หมื่นล้านวอน ไปจนถึง 1.8 แสนล้านวอน หรือประมาณ 400 ล้านบาท ถึง 4.1 พันล้านบาท เลยทีเดียว แม้ว่าในแวดวงบันเทิงต่างประเทศจะเคยมีกรณีที่ผลงานไม่ได้รับการเผยแพร่ เนื่องจากข่าวลือเรื่องชีวิตส่วนตัวของนักแสดง แต่กรณีที่ดิสนีย์พลัสออกมาประกาศระงับการฉายคอนเทนต์จากฝั่งเอเชียอย่างเป็นทางการเช่นนี้ นับเป็นครั้งแรก ซึ่งก็มีการวิเคราะห์จากบางฝ่ายในวงการว่า กรณีของคิมซูฮยอนอาจเป็นกรณีแรกของดิสนีย์พลัส ที่ข่าวลือชีวิตส่วนตัว ส่งผลกระทบให้ผลงานไม่ถูกเผยแพร่ และนี่อาจกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ในอุตสาหกรรมคอนเทนต์ระดับโลก และกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมากไม่เพียงแต่ในตลาด OTT (Over-The-Top) เท่านั้น แต่ยังรวมถึงวงการบันเทิงโดยรวมด้วย ที่มา The Tiger รูป Disney+

April 2, 2025

MORE NEWS