ตอนพวกเรายังเด็กๆ พวกเรารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับ Backstreet Boys รู้ทุกอย่างจริงๆ มันบอกได้เลยว่าพวกเราเคยเป็นแฟนคลับที่คลั่งไคล้มากขนาดไหน  อย่างเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขา เช่น NICK เกิดที่ไหน ? – เราตอบได้เลยว่าเขาเกิดที่ เมือง JAMESTOWN รัฐ NEWYORK  , KEVIN มีพี่น้องกี่คน ? – พวกเราก็ตอบได้ทันทีเช่นกันว่า 2 คน , ใครคือ  Tony Donetti? – ก็ Howie ไงล่ะ , ชื่อวงมาจากไหน ? - ชื่อวงมาจาก Backstreet Market ในเมือง Orlando .. ถ้าลองมองกลับไปมันอาจจะ ดูงี่เง่าไปบ้าง แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความรักกว่า 20 ปี ของพวกเรา  หนุ่มคนแรกของเรา, Howie คิดดูว่าจะมีแฟนคลับคนไหนไม่ฝันอยากได้ดอกไม้จาก Howie\จนถึงตอนนี้ เพลง “Just to Be Close to You” ได้ทำให้เรารู้ว่าทำไมเราถึงได้ตกหลุมรักเค้า Howie เป็นหนึ่งในคนที่น่ารักมากคน พวกเราได้เห็นพวกเขาเติบโต ไม่ใช่แค่ในฐานะศิลปินแต่ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ที่ต้องเจอกับปัญหาครอบครัว ปัญหาความรัก ปัญหาเรื่องสุขภาพรวมถึงการเป็นพ่อแม่ เรามาถึงจุดที่เราเคารพพวกเค้าในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง และจดจำพวกเค้ามากกว่าแค่บอยแบนด์วงหนึ่ง พวกเขาทำให้พวกเรารู้สึกถึงการมีสิ่งพิเศษ สิ่งที่พิเศษมากจริงๆ  ซึ่งเราก็ทำให้พวกเขารูสึกเช่นเดียวกัน  นั่นทำให้ทุกหยดน้ำตา ทุกเสียงหัวเราะและความสนุก เป็นเรื่องจริงที่ไม่ได้ถูกแต่งเติมขึ้นมา    คนทั่วไปอาจจะไม่เข้าใจเวลาเราพูดถึงความรักที่มีต่อ Backstreet Boys สำหรับคนเหล่านั้น พวกเราดูเหมือนเด็กอายุ 15 ที่หวังจะได้แต่งงานกับหนุ่มคนโปรด หรือ หญิงสาวที่หวังเป็นอย่างมากที่จะได้รับโอกาสนั้น แต่สิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจคือ มันไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว Backstreet Boys ก็ยังคงเป็น Backstreet Boys แต่แค่มีบางอย่างที่เปลี่ยนไปแล้วตอนนี้ เวลาที่เราบอกว่าเรารักพวกเรา เราก็หมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ แต่อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ความรักแบบเด็กวัยรุ่นที่ตกหลุมรักบอยแบนด์ระดับโลก แต่เป็นผู้ใหญ่มี่เติบโตมาพร้อมกับ ชายหนุ่ม 5 คนนี้  การที่ได้เห็นพวกเขาอยู่บนเวทีตอนนี้ก็ยังคงเป็นความรู้สึกยินดีและมีความสุข เช่นเดียวกับที่ผ่านมา เวลาที่ได้เห็นพวกเขาตามทีวี หรือได้ยินเสียงพวกเขาจากวิทยุ พวกเราก็ยังตื่นเต้นเหมือนอย่างเคย ความรู้สึกเหล่านี้มันเป็นมากกว่าความทรงจำในอดีตจริงๆ แม้ว่าเรื่องราวต่างๆที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อแฟนคลับและศิลปิน เป็นเพียงเรื่องราวสั้นๆ ที่จบเร็วและมีบทจบที่ถูกกำหนดไว้แล้ว แต่สำหรับพวกเรามันไม่ได้เป็นแบบนั้น พวกเราไม่คิดว่าจะเติบโตมาพร้อมกับพวกเขาจนถึงทุกวันนี้ พวกเราไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะมีอิทธิพลต่อชีวิตพวกเรามากมายขนาดนี้ พวกเราข้ามผ่านนิยามความเป็นไปได้และพิสูจน์ให้คนอื่นที่ไม่เข้าใจเราเห็นว่าพวกเขานั้นคิดผิด  และนั่นทำให้ ทุกๆคอนเสิร์ต ทุกๆอ้อมกอด และทุกๆนาทีมีความหมายมากจริงๆ แม้ว่าเรื่องราวของเราอาจจะเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา แต่ตราบใดที่พวกเขายังอยู่ เพลงจะไม่มีวันจบ... พวกเค้าจะเป็น Backstreet Boys ของพวกเราตลอดไป Source : http://www.backstreetboys.com/news/26362

     สมัยเมื่อปี 2533 ช่วงรอยต่อระหว่างที่ผมเป็นนักเรียนแพทย์ชั้นปีสุดท้าย ผมได้รู้จักกับรุ่นพี่ศัลยกรรมทั่วไปท่านหนึ่ง คือ คุณหมออุดร อินทุวัฒนกุล ในตอนนั้นผมยังไม่ได้เริ่มเล่นเครื่องเสียงเลย แต่พี่ชายผมคนนี้เล่นชุดที่หอชุดหนึ่ง ทำเอาผมนอนไม่หลับเลย เพราะมันเพราะมาก ตอนหลังผมก็มาเจอพี่ชายคนนี้อีกที่โรงพยาบาลเอกชนที่แกอยู่ประจำ เลยเจอแกมาตลอด 20 กว่าปีต่อเนื่องกันมาถึงปัจจุบัน สิ่งที่ผมทราบมาอีกอย่าง คือ แกเป็นแฟน เพลงของ Tsai Chin อย่างล้ำลึกดังนั้น ในโอกาสที่ Tsai Chin จะมาเปิดคอนเสิร์ตในไทย ต้นปีหน้า ผมเลยถือโอกาสขอนำบทสัมภาษณ์มาเสนอและเจาะกรุซอฟต์แวร์ ไช่ ฉิน ของพี่หมออุดรมาให้คุณผู้อ่านได้ชม ADP:  พี่รู้จัก ไช่ ฉิน ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ นพ.อุดร: เมื่อสักประมาณเจ็ดปีก่อน พี่ไปเดินงานเครื่องเสียง ได้ยินซุ้มขายซีดีเปิด แผ่นเพลงจีนชุดหนึ่ง ฟังแล้วชอบมาก เลยพบว่า เป็นแผ่น XRCD  ของ ไช่ ฉิน ชุด “เหล่า เกอ” ราคาตอนนั้นร่วม 1,200 บาท ซึ่งถือว่าแพงมาก สำหรับซีดีแผ่นหนึ่ง  จากนั้นก็ติดใจในเสียงของ ไช่ ฉิน ตลอดมา ตามเก็บงานของเขาเกือบทุกชุด ADP: สิ่งที่พี่ชอบ สำหรับนักร้องหญิง ไช่ ฉิน คืออะไรครับ นพ.อุดร: ผมว่า ไช่ ฉิน เป็นนักร้องที่มีความ สามารถสูง ร้องได้หลากหลายสไตล์ จะออกแนว โบราณก็ได้ แนวแจ๊สก็ได้  หรือแม้แต่เล่าเรื่องไป ร้องไป (ในแผ่น “เจีย หวู่” ที่ ไช่ ฉิน จะเล่าเรื่อง ของตัวเองไป ร้องเพลงไป) ก็ยังน่าฟัง แผ่นของ ไช่ ฉิน แทบทุกชุดบันทึกเสียงดี และร้องได้ดีมาก มีแผ่นเสียงหรือซีดีเข้ามาขายบ้านเรา (หรือแม้แต่ ในต่างประเทศอย่างฮ่องกง)  วางขายแป๊บเดียว หมด แบบว่าถ้าเราไม่มาซื้อรอบนี้ รอบหน้าเดิน มาก็ไม่มี หมดแล้ว    ADP: พี่ก็เลยเริ่มลุยตั้งแต่ชุด “เหล่า เกอ” นพ.อุดร: ใช่ครับ พี่เจอที่ไหน พี่เก็บหมด โดยเฉพาะเวอร์ชั่น XRCD ที่พี่ว่าเสียงดีมากที่สุด จากนั้นก็เป็นแผ่นเสียงอีกร่วมสิบกว่าแผ่น จากนั้นก็ตามเก็บอัลบั้มต่างๆ ที่ออกตามมา และที่เคยออกมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฟอร์แมตไหน ADP: นอกจากนี้พี่ยังมีแผ่นอื่นๆ ที่ดังๆ  และแผ่นรวมฮิตของเขาอีก นพ.อุดร: ใช่ครับ นอกจากนี้ก็มีพวกแผ่นเสียง ชุดรองเท้าแดง, กาน้ำชา และแผ่นของค่ายสังกัด  ABC reords ที่ทำเสียงใหม่โดย มาร์ค เลวินสัน แผ่นซีดีรวมฮิตชุดหนึ่งที่ผมไป เจอมาเมื่อไปต่างประเทศ และยังไม่เคยเห็น วางขายในบ้านเราเลย คือ... ชุด audition disc เป็นแผ่นปั๊มพิเศษด้วย 6N Silver CD จาก เยอรมัน ชุดนี้บรรจุเพลงไว้ถึง 20 เพลง  เอาเพลงดังๆ จากแทบทุกอัลบั้มมารวม คุณภาพเสียงยอดเยี่ยมมาก ด้วยคุณภาพเสียง และปริมาณเพลง ถ้าเป็นชุดที่เป็น XRCD ต้องมีสองแผ่น หลายเพลงเสียงดีกว่าที่อยู่ใน อัลบั้ม XRCD เสียอีก แผ่น audition disc นี้ จึงคุ้มค่า ที่รวมปริมาณเพลงของสองอัลบั้มไว้ในแผ่นเดียว และคุณภาพเสียงดีมากๆ ตอนนี้จะไปสั่งซื้อจากฮ่องกงอีกก็หมดภายในหนึ่งอาทิตย์หลังจากวางแผง ADP: แล้วแผ่น Blu-ray Concert ล่ะครับ  นพ.อุดร: จริงๆ ที่มีเป็นภาพยนตร์คอนเสิร์ตนั้นมีห้าชุด เป็นแผ่น DVD 3 ชุด และ แผ่น Blu-ray 2 ชุด ผมแนะนำBlu-ray Concert ปี 2007 ใครได้ชมคอนเสิร์ตปี 2007 นี้จะรัก ไช่ ฉิน แน่นอน ฝีมือการร้องหลายหลายแนว การโหนเสียงจากต่ำสุดขึ้นมาเสียง สูง ซึ่งต้องใช้พลังอย่างมาก เป็นแผ่นที่แนะนำ ส่วนคอนเสิร์ตปี 2010 เป็นคอนเสิร์ต ที่ ไช่ ฉิน เป็นคนครีเอทีฟเอง เพราะมีบทสัมภาษณ์เบื้องหลังมากมาย เป็นปีที่ ไช่ ฉิน ใช้จอ LCD ขนาดใหญ่มากๆ และสร้างภาพ animation  ให้เข้ากับบทเพลง ซึ่งเชื่อว่า คอนเสิร์ตในบ้านเราต้นปีหน้า จะได้ชมฉากและจอภาพอลังการ ละลานตานี้แน่นอน ADP: นอกจากแผ่นเพลง แผ่นภาพแล้ว พี่ยังมีเก็บสะสมโปสเตอร์พร้อม ลายเซ็นของ ไช่ ฉิน อีกใช่ไหมครับ นพ.อุดร: ใช่ครับ อันนี้บางอันได้จากญาติผู้ใหญ่ที่เป็นแฟนเพลงเก่าก่อน และอยู่ฮ่องกง ให้ผมมา  ADP: นอกจาก ไช่ ฉิน แล้ว พี่เก็บงานนักร้องจีนคนอื่นไหมครับ นพ.อุดร: ที่เก็บๆ ก็มีงานของ “เติ้ง ลี่จวิน” ครับ แต่ส่วนใหญ่คุณภาพเสียงยังไม่ได้ ระดับ audiophile เท่าที่ควร สังเกตว่าแม้ว่ามีการรีมาสเตอร์มากี่ครั้งกี่หนก็ยังเสียงไม่ค่อยดี และมีเหลือให้ซื้อหากันได้ตลอด แตกต่างจากงานของ ไช่ ฉิน ที่ทำออกมาทีไรหมดแผงทุกที ADP: อยากให้พี่กล่าวถึงคอนเสิร์ต ไช่ ฉิน ที่จะมาเล่นบ้านเรา ในต้นปีหน้าครับ นพ.อุดร: ไช่ ฉิน ในปัจจุบันนี้ต้องนับว่าเป็นนักร้องจีนยอดนิยมอันดับหนึ่ง เขาเป็น นักร้องที่ชอบนำเพลงเก่ามาร้อง และส่วนใหญ่ยังร้องได้ดีกว่าศิลปินต้นฉบับที่ร้องเสียด้วย บางคนในสมัยก่อนกล่าวว่า ไช่ ฉิน เหมือน “ทูล ทองใจ” ที่เอาเพลงเก่ามาร้อง และทำได้ดีกว่า ต้นตำรับ ถ้าเป็นสมัยนี้ นักร้องไทยที่ทำได้ดีและสไตล์เอาเพลงเก่ามาร้องได้ดีกว่าเดิมก็คือ “อรวี สัจจานนท์” บางคนกล่าวว่า ถ้าอยากจะให้เพลงของตัวเองเป็นอมตะ อย่าให้ ไช่ ฉิน เอาไปร้องทีหลังนะ (ฮา) ขอบคุณข้อมูลจาก : AUDIOPHILE , VIDEOPHILE , VOL.19/No.224/OCTOBER/2015

“ ผมว่าไม่มีคอนเสิร์ตไหนที่เป็นที่รอคอยเท่าคอนเสิร์ตของไช่ฉินเลยครับ บ้านเราไช่ฉินไม่เคยมาแสดงเลย บินข้ามไปข้ามมา มาเลย์นี่ไปทุกปี สิงคโปร์ก็ไปบ่อย ทั้งๆที่ประเทศเขาเล็กๆ แต่คอนเสิร์ตบัตรเต็มทุกทีนั่ง รวมถึงคอนเสิร์ตในประเทศจีนเองที่เล่นตลอด 30 ครั้งต่อปี เรียกว่างานของเธอชุกมากในหนึ่งเดือนต้องมี 2 – 3 คอนเสิร์ต ตารางการแสดงของไช่ฉินนี่แน่นมาก ดังนั้นการที่เราสามารถถึงตัวไช่ฉินที่ยิ่งใหญ่มาเล่นในไทยได้นี่ ถือเป็นโอกาสที่ไม่ควรพลาดครับ – AUDIOPHILE MAGAZINE ” ไช่ ฉิน(Tsai Chin) เป็นนักร้องชาวไต้หวัน ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศจีน เกิดเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2500 ปัจจุบันอายุ 57 ปี เธอคือนักร้องเพลง Pop และเพลง folk ที่มีน้ำเสียงทุ้มทรงพลังเป็นเอกลักษณ์ โดยใช้ภาษาจีนกลางและจีนฮกเกี้ยนในการร้องเพลง ไช่ฉินชนะการประกวดร้องเพลงครั้งแรก ตั้งแต่อายุ 13 ปี และใบเบิกทางใบแรกเพื่อก้าวเข้าสู่การเป็นนักร้องอาชีพของไช่ฉิน คือ การเข้าประกวดร้องเพลง folk และได้รับรางวัลชนะเลิศในปี พ.ศ. 2522 และทำให้เธอได้มีโอกาสออกอัลบั้มเพลงของตนเองในปีเดียวกัน จากวันนั้นจนถึงปัจจุบัน เธอมีอัลบั้มเพลงของตัวเองแล้วกว่า 50 แผ่น และได้รับรางวัลใหญ่ๆ มานับไม่ถ้วน นับได้ว่าเป็นนักร้องจีนอันดับหนึ่งในปัจจุบัน ผลงานเพลงที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของไช่ฉิน คือเพลง “The Forgotten Times หรือ被遺忘的時光 (เป้ยยี่ว่างเตอสือกวง)” ที่ประกอบภาพยนตร์ชุด “สองคนสองคม (Internal Affairs)” ในปี 2002 เป็นเพลงฮิตที่นิตยสารเครื่องเสียงชั้นนำของโลกอย่าง The Absolute Sound ได้ให้การยกย่องเสียงของเธอและแนะนำให้แผ่นเสียงชุดนี้ เป็นชุดทดสอบเครื่องเสียง จนเป็นที่รู้จักของผู้เล่นเครื่องเสียงอย่างกว้างขวางทั่วโลก <เพลง “The Forgotten Times หรือ被遺忘的時光 (เป้ยยี่ว่างเตอสือกวง)> https://youtu.be/1JlwsNnVefs ชุดแรกที่ขอแนะนำ คือ อัลบั้ม “老歌唱 (หล่าวเกอ)” หรือ “เพลงเก่า” ไช่ฉินได้ออกผลงานที่ใช้ชื่อชุดว่า “老歌唱 (หล่าวเกอ)” มีอยู่หลายชุดด้วยกัน เพียงแต่แต่ละชุดมีชื่อชุดย่อยอีกที เช่น “หล่าวเกอ ชุดที่ 1” ในปี 1982 จะมีชื่อชุดย่อยว่า“ 蓝色的梦 (หลานเส้อเตอเมิ่ง)”หรือ“ความฝันสีน้ำเงิน” เป็นผลงานชุดที่ 8 จากผลงานทั้งหมด “หล่าวเกอ ชุดที่ 2” ปี 1983 มีชื่อชุดย่อยว่า “ 不了情 (ปู้เหลี่ยวฉิง)” สำหรับหล่าวเกอชุดที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ในวงการออดิโอไฟล์ คือ หล่าวเกอที่เป็นผลงานชุดที่ 14 ในปี 1985 ที่มีชื่อชุดย่อยว่า “痴痴的等 (จือจือเตอเติ่ง)” หรือ “รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ” ซึ่งยอมรับกันว่าเป็นชุดที่มีการบันทึกเสียงได้ดีที่สุดและแนวเพลงเป็นที่ถูกใจมากที่สุด ชุดที่สอง“จียวู่” 机遇 หรือ โอกาส ผลงานชุดนี้ผลิตเมื่อปี 2003 เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “淡水小镇(ต้านสุ่ยเสี่ยวเจิ้น)” ซึ่งเป็นผลงานอีกชุดที่นักออดิโอไฟล์ทั้งหลายต้องมีไว้ ขณะเดียวกันก็มีการผลิตแผ่นออกมาหลากหลายฟอร์แมตเพื่อกลุ่มเป้าหมายทุกระดับ ทั้งแผ่น 16 บิตธรรมดาแผ่น SACD และ XRCD มีทั้งปกสีเขียว,สีส้มและปกสีน้ำตาลของ JVC ในฟอร์แมต XRCD อีกด้วย ผลงานชุดนี้ ถ้าหากใครฟังภาษาจีนออกจะได้อรรถรสที่สุด เนื่องจากไช่ฉินใช้แนวเล่าเรื่องตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยชรา จะมีเสียงดนตรีซึ่งจะเน้นเปียโนดีดคลอไปตลอด เริ่มต้นด้วยการพูดเล่าเรื่องแล้วจึงร้องเป็นเพลงฟังแล้วเหมือนกับนั่งพูดคุยกับไช่ฉินหรือฟังไช่ฉินมานั่งเล่าเรื่องให้ฟัง ด้วยเสียงที่นุ่นนวล ดนตรีที่ใสสะอาด ฟังทีไรก็รู้สึกอบอุ่นและมีความสุข เพราะอย่างน้อยในผลงานทั้งชุดจะต้องมีเพลงใดเพลงหนึ่งที่เหมือนกับชีวิตของผู้ฟัง ชุดที่สาม“จินเพี่ยนจือ” 金片子 หรือ แผ่นทอง สำหรับผลงานแผ่นทองที่ผลิตออกมามีสองชุดด้วยกัน คือชุดที่หนึ่งออกในปี 2001 ในชื่อชุด “天涯歌女(เทียนหยายเกอหนี่)” หรือที่บ้านเราเรียกตามรูปปกซีดีว่า “ชุดรองเท้าแดง” กับชุดที่สอง “魂萦旧梦 (หุนหยิงจิ้วเมิ่ง)” ซึ่งออกมาในปีเดียวกัน แต่ในสองชุดนี้ ชุดแรกจะได้รับการยอมรับ มากกว่า เป็นการนำเอาเพลงเก่าๆซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างดีมาร้อง เช่น”三年(ซานเหนียน)” และ” 夜来香(เย่หลายเซียง) ดอก ราตรี ” ซึ่งร้องได้อารมณ์และกินใจมากผลงานทั้งสองชุดทำมาสเตอร์และผลิตแผ่นในญี่ปุ่นเพื่อคุณภาพเสียงที่ สมบูรณ์และจากที่สังเกตชาวไต้หวันไม่ว่าจะเป็นนักออดิโอไฟล์หรือไม่ก็ตาม จะต้องมีแผ่นทองชุดนี้ครอบครองเสียส่วนใหญ่ ชุดที่สี่ “Chris and Friends” คริสในฐานะชาวฟิลิปปินส์ที่ไม่รู้ภาษาจีนเลย แต่ด้วยความที่ชื่นชอบเสียงร้องของไช่ฉิน คริสจึงเป็นผู้แต่งเพลงให้ไช่ฉินร้องในผลงานชุดนี้ ซึ่งไช่ฉินได้กล่าวชมคริสว่า ความสำเร็จของผลงานชุดนี้ครึ่งหนึ่งมาจากความสามารถของคริสเอง ซึ่งเป็นผู้แต่งทำนองและเนื้อร้องอีกครึ่งหนึ่งของผลงานเป็นการนำเอาผลงานเพลงของผู้อื่นมาร้อง ไช่ฉินยอมรับว่า การนำเอาผลงานคนอื่นมาร้องเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะให้ออกมาไม่ทำให้ผู้ฟังติดยึดภาพของเจ้าของผลงานเดิม แต่ไช่ฉินก็ทำสำเร็จ ในผลงานชุดเดียวกันนี้ ไช่ฉินได้แต่งเองหนึ่งเพลงคือ “大女人(ต้าหนี่เหยิน)” หรือแปลแบบชาวบ้าน ๆ ว่า “เจ๊ใหญ่” ในความหมายของเพลงคือผู้หญิงเป็นใหญ่ในครอบครัว ชุดที่ห้า“หมิงเกอ-ไช่ฉิน” หรือ Folk Songs-Cai Qin民歌-蔡琴 ผลงานชุดนี้ได้ผลิตออกมาใหม่ ในปี 1996 มกราคม ในฟอร์แมต XRCD2 ที่เคยโด่งดังมาจากภาพยนตร์เรื่อง สองคน-สองคม มาแล้ว ในแง่คุณภาพเสียงต้องมอบให้ห้าดาวไปเลยจากนักวิจารณ์หูทองทั้งหลายเขามอบสี่ดาวให้ผลงานชุดนี้ในฟอร์แมตธรรมดา และมอบห้าดาวสำหรับฟอร์แมต XRCD2 บริษัท EMI ไต้หวันได้นำเอา-ผลงานชุดหมิงเกอของไช่ฉินมาทำใหม่โดยทำมาสเตอร์ในประเทศญี่ปุ่นเพื่อให้ได้คุณผลที่ดีที่สุด ถึงแม้จะไม่สามารถเทียบเท่าผลงานชุด “หล่าวเกอ” ก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าจะด้อยกว่ากันมากนัก ผลงานทั้งห้าชุดที่แนะนำนี้ นักฟังเพลงในบ้านเราน่าจะรู้จักกันดี และก็หาซื้อได้ไม่ยากนัก แต่ถ้าใครไปต่างประเทศจะเห็นว่า มีผลงานชุดอื่น ๆอีกมากมายที่พวกเราไม่คุ้นหน้าคุ้นตากันเลยหรือแม้แต่ผลงานชุดแผ่นทองและ Chris and Friends อันโด่งดังก็ตาม ในต่างประเทศก็ยังมีหน้าปกที่แตกต่างจากที่วางขายในบ้านเราอีก ฉะนั้นสำหรับแฟนพันธ์แท้ของไช่ฉินแล้วไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่หลงไหลในน้ำเสียงของไช่ฉิน ไม่ควรพลาด ! กับคอนเสิร์ตครั้งแรกในประเทศไทยของไช่ฉิน เชิญมาร่วมรับชมและรับฟังประวัติศาสตร์น้ำเสียงระดับโลกพร้อมกัน 8 มกราคม 2559 ณ Royal Paragon Hall, Siam Paragon ซื้อบัตรได้แล้ววันนี้ที่ Thai Ticket major ทุกสาขา โทร. 0 2262 3838 หรือซื้อบัตรออนไลน์ที่ http://www.thaiticketmajor.com/concert/tsai-chin-live-in-bangkok-2016-th.html ขอบคุณข้อมูลจาก : Audiophile Magazine , www.thaichinese.net

พยายามอย่างหนักที่จะกู้ภาพลักษณ์และชื่อเสียงกลับคืนมา แต่ดูเหมือนว่านักร้องหนุ่ม จัสติน บีเบอร์ ก็ยังรู้สึกว่าโลกไม่เข้าใจเขา และพยายามต่อต้านเขาอยู่เรื่อยๆ บีเบอร์ให้สัมภาษณ์ถึงความขัดแย้งในชีวิตของเขาว่า “ผมหมายถึง ผมอาจจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนักนะ แต่สำหรับผมแล้วผมแค่รู้สึกว่า “ไม่ ผมจะทำอะไรแบบนี้จนกระทั่งผมรู้สึกว่าผมไม่ควรจะทำมันอีกต่อไปแล้ว” บางทีผมอาจจะผิด แต่นี่คือวิธีที่ผมเรียนรู้ และผมรู้สึกว่าผมดีขึ้นมากแล้ว” จากนั้น นักร้องหนุ่มก็พูดถึงสิ่งที่เขารู้สึกเหมือนเป็นปาฏิหาริย์ที่ทำให้เขาอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองว่า “มันต้องมาจากตัวของคุณเอง คุณต้องพยายามอย่างมีสติ เพราะว่าสำหรับผมแล้ว มีตั้งหลายครั้งที่มีคนดีๆ เข้ามาในชีวิตของผม และพยายามจะชักจูงผมไป แต่ผมยังไม่พร้อม พวกเราก็จะแบบว่า “จัสติน เอาน่า” แต่ผมไม่พร้อมที่จะกระโดดไปกับเขาแล้วรู้สึกว่า“โอเค นี่ล่ะคือสิ่งที่ฉันอยากจะเปลี่ยน นี่คือตัวตนของฉัน และนี่ไม่ใช่ตัวตนของฉัน”มันใช้เวลาในการที่จะทำให้ผมรู้อย่างกระจ่างแจ้งว่า “โอ้ นี่คือเหตุผลที่ฉันไม่ได้เป็นแบบนี้ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมฉันไม่ควรทำแบบนี้” ผมแค่อยากจะอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ผมรู้สึกว่าพวกเขาสนับสนุนผม ทำให้ชีวิตของผมสูงขึ้น และทำให้ผมมั่นใจว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของผมแล้ว เพราะว่าก็ยังมีคนอีกจำนวนมากในอุตสาหกรรมนี้ที่อยากจะเห็นผมล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำอีก” Cr. หนังสือพิมพ์แนวหน้า

BIGBANG ได้เริ่มการทัวร์คอนเสิร์ตทที่ประเทศจีนตามเมืองต่างๆรวม 11 เมืองด้วยกัน ถือเป็นตัวเลขที่ทุบสถิติที่ของศิลปินเกาหลีทั้งหมดที่เคยมีการทัวร์คอนเสิร์ตในประเทศจีน ทัวร์ครั้งนี้ได้เริ่มจากเมือง Guangzhou เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม และย้ายไปตามเมืองต่าง ไม่ว่าจะเป็น Beijing, Shanghai, Dailan, Wuhan, Shenzhen, Nanjing, Chendu, Hangzhou, Changsa, และปิดท้ายด้วยที่ Chongqing เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมทีผ่านมา ใช้เวลาทั้งหมด 3 เดือน ซึ่งในการทัวร์รอบสุดท้ายของประเทศจีน G-DRAGON ได้พูดถึงการปล่อยอัลบั้มใหม่ว่า "อัลบั้มของพวกเราไม่ว่าจะเป็น 'M' 'A' 'D' 'E' ถูกปล่อยออกมาหมดแล้ว แต่ทุกอย่างยังไม่จบ เพราะพวกเรากำลังจะกลับมาพร้อมกับอัลบั้มเต็มที่สมบูรณ์อีกครั้งภายในปีนี้" นอกจากนี้ TAETANG อีกหนึ่งสมาชิกของวงยังได้กล่าวขอบคุณแฟนๆอีกด้วยว่า "ขอบคุณทุกคนที่คอยสนับสนุนพวกเรา วันนี้เป็นวันที่สุดยอดมาก พวกเราสัญญาว่าจะกลับมาอีก เร็วๆนี้" หลังจากนี้ BIGBANG จะได้พักจากตารางการทัวร์ และจะเริ่มออกทัวร์คอนเสิร์ตอีกครั้งที่ฝั่งอเมริกา ก่อนจะกลับมาโซนเอเชียที่ออสเตรเลีย และญี่ปุ่นมีคนดูรวมทั้งหมด 180,000 คนด้วยกัน Cr. becteromusic  

เพลงบัลลาดสุดฮิต 'Thinking Out Loud' ของนักร้องหนุ่มหุ่นหมี Ed Sheeran กลายเป็นแชมป์ใหม่ใน Guinness World Records ด้วยสถิติซิงเกิ้ลที่ใช้เวลานานที่สุดในการขึ้นสู่อันดับ 1 UK Official Singles Chart 'Thinking Out Loud’ เป็นซิงเกิ้ลที่ 3 จากอัลบั้มเต็ม ‘X’ (multiply) เปิดตัวด้วยอันดับที่ 26 บนชาร์ตเพลงเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2014 ก่อนจะขึ้นสู่อันดับ 1 เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2014 โดยเพลงนี้ใช้เวลากว่า 19 สัปดาห์อยู่ใน Top 30 จนกระทั่งเอ็ดขึ้นแสดงสดในรายการ The X Factor UK เพลงนี้ก็ก้าวสู่อันดับ 1 ในทันที! ด้านมิวสิควิดีโอ ’Thinking Out Loud’ ได้ปล่อยออกมาเมื่อเดือนตุลาคม 2014 และทำให้แฟนเพลงเซอร์ไพร์สเป็นอย่างมาก เพราะหนุ่มเอ็ดออกมาโชว์ลีลาการเต้นบอลรูมสุดพริ้ว ขณะนี้วิดีโอดังกล่าวมียอดวิวกว่า 686,000,000 ครั้งบนยูทูบ ขอแสดงความยินดีกับหนุ่มเอ็ดที่ได้มีชื่อลง Guinness World Records เขาได้พิสูจน์แล้วว่า เพลงของเขากำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆในหมู่แฟนเพลงทั่วโลกในตอนนี้ เรียบเรียงจาก GuinnessWorldRecords Cr. http://tv.bectero.com/