จองกุก (Jungkook) กลับมาเล่น Instagram อีกครั้งในรอบ 2 ปี ยอดผู้ติดตามพุ่ง 200,000 ภายใน 30 นาที

July 17, 2025

จองกุก (Jungkook) สมาชิกวง BTS กลับมาเล่น Instagram อย่างเป็นทางการแล้ว

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จองกุกได้เปิดบัญชี Instagram ใหม่ ถือเป็นการคัมแบ็กในรอบเกือบสองปีหลังจากที่เขาลบบัญชีเดิมไป โดยในเวลา 16:30 น. ของวันนั้น บัญชีใหม่ของเขามียอดผู้ติดตามทะลุ 1.2 ล้าน และภายในเวลา 17:00 น. ยอดก็พุ่งขึ้นไปเกิน 1.4 ล้าน เท่ากับว่ามีผู้ติดตามเพิ่มถึง 200,000 คนภายในเวลาเพียง 30 นาที และเพิ่มเป็นเกือบ 7 ล้าน ภายในวันเดียว

ชื่อบัญชีใหม่ของเขาคือ @mnijungkook ซึ่งได้รับการยืนยันจากเจ้าตัวในไลฟ์บน Weverse ว่า “ใช่ครับ ของผมเอง ผมชื่อจองกุก” พร้อมอธิบายที่มาของชื่อบัญชีด้วยท่าทีขี้เล่น

ก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2023 จองกุกได้ลบบัญชี Instagram เดิมของเขาซึ่งมียอดผู้ติดตามกว่า 50 ล้าน โดยเขาชี้แจงผ่าน Weverse ว่า “ผมลบมันเอง ไม่ได้โดนแฮ็กนะครับ แค่ไม่ได้ใช้งานแล้วก็เลยลบออก ผมคิดว่าคงจะไม่กลับมาเล่นอีกแล้ว”

แต่ตอนนี้เมื่อเขากลับมาเปิดบัญชีใหม่ แฟน ๆ ก็แห่กันมาติดตามกันอย่างล้นหลาม แสดงให้เห็นถึงความดีใจที่ได้เห็นเขากลับมาออนไลน์อีกครั้ง

ในขณะเดียวกัน BTS ก็ได้ประกาศว่า สมาชิกทุกคนเสร็จสิ้นในกองทัพแล้ว โดยสมาชิกชุดสุดท้ายเพิ่งปลดประจำการในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม วงได้ยืนยันว่ากำลังวางแผนคัมแบ็กแบบครบวงในฤดูใบไม้ผลิปี 2026 พร้อมกับเดินหน้าทำกิจกรรมเดี่ยวและเตรียมอัลบั้มใหม่ไปพร้อมกัน

ที่มา popcornfor2

รูป BizEnter

อีแจ (EJAE) จาก KPop Demon Hunters กล่าวว่าต้องการให้ K-Pop มีความเป็นเกาหลีมากขึ้น

ในคำกล่าวที่ทั้งกล้าหาญและจริงใจ อีแจ (EJAE) นักแต่งเพลงและนักร้องผู้ร้องเพลงประกอบ “GOLDEN” จากภาพยนตร์ KPop Demon Hunters ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้ภาษาอังกฤษที่เพิ่มขึ้นในวงการ K-pop พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการคงไว้ซึ่งเนื้อเพลงภาษาเกาหลีในกระบวนการขยายสู่ระดับโลกของแนวเพลงนี้ ระหว่างงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่โรงภาพยนตร์ CGV Yongsan I’Park Mall กรุงโซล อีแจ ได้พูดถึงกลยุทธ์ “การทำให้ K-pop เข้ากับแต่ละท้องถิ่น” และมุมมองของเธอต่ออนาคตของวงการ “ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่ K-pop กำลังถูกทำให้เข้ากับผู้ฟังทั่วโลก คนเกาหลีมีรสนิยมที่ประณีตมาก ตอนที่ KPop Demon Hunters ออกมา ฉันรู้สึกประหม่าเลยว่าผู้ชมชาวเกาหลีจะชอบไหม เพราะมาตรฐานที่นี่สูงมากจริง ๆ” เธอกล่าว แม้เธอจะสนับสนุนเป้าหมายระดับโลกของ K-pop แต่เธอก็เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาแก่นแท้ของวัฒนธรรมเกาหลีไว้ “ฉันรู้สึกว่า K-pop ตอนนี้เริ่มเอนเอียงไปทางป็อปมากเกินไป ฉันเข้าใจว่าทำไมถึงมีเนื้อเพลงภาษาอังกฤษมากขึ้น แต่ภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่สวยงามมาก ถ้ามันคือ K-pop ก็ควรมีภาษาเกาหลีอยู่ด้วย” เธอกล่าว “แต่ควรให้ภาษาเกาหลีและภาษาอังกฤษผสมผสานกันอย่างกลมกลืน ฉันเข้าใจทั้งภาษาอังกฤษและความละเอียดอ่อนของภาษาเกาหลี ดังนั้นสองภาษานี้ต้องสอดคล้องกันอย่างเป็นธรรมชาติเพื่อให้ผู้ฟังได้สัมผัสอย่างแท้จริง” เธอยังกล่าวเพิ่มเติมว่าตัวตนของความเป็นเกาหลีต้องคงอยู่เป็นศูนย์กลาง “ฉันคิดว่า K-pop ควรมุ่งไปที่เกาหลีเป็นหลัก แม้ว่ามันจะพยายามเป็นป็อปมากแค่ไหนก็ตาม แต่เกาหลีมีความงดงามในตัวเอง ดังนั้นการเดินหน้าในทิศทางของความเป็นเกาหลีจะดีกว่า วัฒนธรรมเกาหลีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม มันดีเสมอถ้าทำในแบบของเกาหลี” “ถ้าคุณไปอเมริกา แน่นอนว่าคุณต้องผสมผสานวัฒนธรรมอเมริกันเข้าไปบ้างเพื่อให้มันเป็นที่ยอมรับได้ แต่สุดท้าย เกาหลีก็ต้องยังคงอยู่” เธอสรุป คำกล่าวของ อีแจ ได้จุดกระแสถกเถียงบนโลกออนไลน์ โดยแฟน ๆ ชาวเกาหลีจำนวนมากเห็นด้วยกับความคิดเห็นของเธอ ความเห็นบางส่วนระบุว่า “จริงเลย ขอให้ใช้ภาษาเกาหลีมากกว่านี้เถอะ” “เพลง ‘This is For’ ของ TWICE เป็นคัมแบ็กเกาหลี แต่ตอนเห็นว่าเนื้อเพลงทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ ฉันแทบไม่เชื่อสายตาㅠㅠ ถึงจะเป็นแฟนก็ยังรู้สึกแบบนั้น…” “เพราะแบบนี้แหละ ฉันถึงยังฟังแต่เพลงรุ่น 2 อยู่… เสน่ห์ของ K-pop หายไปหมดแล้วตอนนี้” ท่ามกลางการถกเถียงที่กำลังได้รับความสนใจ คำพูดของ อีแจ จึงกลายเป็นเครื่องเตือนใจถึงสมดุลอันละเอียดอ่อนที่ K-pop ต้องรักษาไว้ — ระหว่างการเปิดรับอิทธิพลระดับโลกและการปกป้องอัตลักษณ์ความเป็นเกาหลีอันโดดเด่นของตนเอง ที่มา popcornfor2 รูป Netflix

October 17, 2025

อีแจ (Ejae) จาก KPop Demon Hunters เผยชีวิตเทรนนี่ 12 ปีใน SM: “ฉันเลิกฝันจะเป็นนักร้อง แต่โชคชะตาพา

เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา อีแจ (Ejae) ได้ปรากฏตัวในรายการ “Lee Eun Ji’s Music Plaza” ทาง KBS Cool FM เพื่อพูดคุยถึงความสำเร็จระดับโลกของภาพยนตร์แอนิเมชัน KPop Demon Hunters ทาง Netflix และซาวด์แทร็กประกอบที่สร้างสถิติใหม่ เพลงประกอบเรื่อง “Golden” ไม่เพียงครองอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Hot 100 ต่อเนื่องถึง 7 สัปดาห์เท่านั้น แต่ยังทำให้อีแจกลายเป็นศิลปินหน้าใหม่ที่ถูกจับตามองทั้งในวงการ K-pop และระดับโลก อีแจ ซึ่งเป็นศิลปินชาวเกาหลี-อเมริกันที่ขณะนี้อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ เปิดเผยว่าเธอมีแผนจะปล่อยซิงเกิ้ลเดบิวต์เดี่ยวเพลงแรก “In Another World” ในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ พร้อมเตรียมกลับเกาหลีเพื่อทำกิจกรรมโปรโมต อาทิ การแถลงข่าวและการปรากฏตัวในรายการ “You Quiz on the Block” ทางช่อง tvN “ฉันอยากกลับมาที่เกาหลีมานานมากแล้ว” เธอกล่าว “การได้มาทักทายแฟน ๆ ชาวเกาหลีด้วยตัวเองรู้สึกดีมากจริง ๆ แค่อยากให้ได้กลับมาเร็วกว่านี้หน่อย” นักร้องสาวเผยว่าเธอนอนเพียง 3–4 ชั่วโมงต่อวันเพราะตารางงานแน่น แต่ก็กล่าวเสริมว่า “เกาหลีคือบ้านของฉัน” เพราะเธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นราว 15 ปี ระหว่างการสนทนา อีแจเปิดเผยว่าเธอเคยเป็นเทรนนี่ของ SM Entertainment ตั้งแต่ปี 2003 ถึง 2015 รวมเวลาฝึกกว่า 12 ปีเพื่อเตรียมเดบิวต์เป็นไอดอล ก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางในชีวิต “ฉันเป็นเทรนนี่อยู่ประมาณ 12 ปี มันไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะตอนเป็นวัยรุ่น แต่ฉันได้เรียนรู้เรื่องวินัยและความพยายาม ซึ่งสิ่งเหล่านั้นมีอิทธิพลต่อวิธีที่ฉันแต่งเพลงในวันนี้ ฉันมักจะนึกถึงท่าเต้นเวลาเขียนเพลงเสมอ” เธออธิบาย อีแจยอมรับว่าเธอเคยละทิ้งความฝันในการเป็นนักร้องอย่างสิ้นเชิง “การร้องเพลงคือความฝันเก่าของฉัน ฉันตัดสินใจหันมาโฟกัสที่การแต่งเพลงแทน และไม่ได้คิดจะเดบิวต์เป็นนักร้องเลย เพราะฉะนั้นเมื่อโอกาสนี้มาถึง มันรู้สึกเหมือนโชคชะตาจริง ๆ ทุกสิ่งในชีวิตเกิดขึ้นด้วยเหตุผลของมันเอง” เมื่อพูดถึง KPop Demon Hunters อีแจกล่าวว่า “ฉันรู้ทันทีว่าฉันอยากมีส่วนร่วมกับโปรเจกต์นี้ ฉันชอบแอนิเมชันมาก และแม้ว่าจะมีผลงานดี ๆ มากมายจากญี่ปุ่นและจีน แต่ยังไม่เคยมีเรื่องไหนที่สะท้อนความเป็นเกาหลีได้อย่างแท้จริง นั่นยิ่งทำให้ฉันอยากเข้าร่วมมากขึ้น” เพลง “Golden” ซึ่งเป็นที่รู้จักจากเสียงโทนสูงอันทรงพลังนั้น ถูกออกแบบมาโดยตั้งใจ “มันไม่ใช่เพลงที่แต่งให้มนุษย์ร้อง แต่แต่งให้ตัวละครร้อง เสียงสูงเหล่านั้นจำเป็นต้องมีเพื่อถ่ายทอดความสิ้นหวังของ รูมิ ตัวละครหลัก ความกดดันนั้นเกิดขึ้นจริงทั้งกับเธอในฐานะตัวละคร และกับฉันในฐานะนักร้อง” การแสดงสดเพลง “Golden” ของอีแจในรายการ “The Tonight Show Starring Jimmy Fallon” ทางช่อง NBC ก็กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์เช่นกัน “วันนั้นฉันเสียงหายเลยค่ะ ฉันตื่นเต้นจนหายใจเร็วเกินไป แต่ก็พยายามร้องจนจบการแสดงได้” เธอเล่าด้วยรอยยิ้ม ก่อนหน้าความสำเร็จกับ KPop Demon Hunters อีแจได้สร้างชื่อในฐานะนักแต่งเพลงฮิตในวงการ K-pop โดยมีผลงานให้ศิลปินอย่าง aespa, Red Velvet, NMIXX และ KARD เธอเผยว่าเพลง “Psycho” ของ Red Velvet ยังคงเป็นผลงานที่เธอรักมากที่สุด “มันเป็นเพลงที่ฉันแต่งในแคมป์แต่งเพลงของ SM เป็นครั้งแรก และน่าจะเป็นเพลงที่ 5 หรือ 6 ที่ฉันเคยแต่งในชีวิต ตอนนั้นฉันอยู่ในช่วงความสัมพันธ์ระยะไกลที่ยากลำบาก เพลงนี้เลยเกิดจากอารมณ์ตอนนั้นจริง ๆ” เธอกล่าว สำหรับซิงเกิ้ลเดบิวต์ของเธอ อีแจอธิบายว่าเป็น “เพลงที่สงบ เรียบง่าย เหมาะสำหรับฟังก่อนนอนหรือระหว่างเดินเล่น” ส่วนความฝันระยะยาวของเธอคือการคว้ารางวัล Grammy สาขาการแต่งเพลง และอยากทดลองทำเพลงในทุกแนวต่อไปในอนาคต ที่มา popcornfor2 รูป xportsnews

October 14, 2025

คิมยุนอี (Kim Yoon Yi) อดีตเด็กฝึก SM เผยความรู้สึกช่วงเวลาฝึกซ้อมร่วมกับสมาชิก aespa และ Hearts2Hea

ในวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา (ตามเวลาเกาหลี) รายการ “Our Ballad” ทางช่อง SBS ได้ออกอากาศรอบการแข่งขันหลักครั้งแรก ภายใต้ธีม “บัลลาดแรกในชีวิตของฉัน” ผู้เข้าแข่งขันวัย 22 ปีคนหนึ่งได้แนะนำตัวว่า “ฉันคือคิมยุนอี เคยเป็นเด็กฝึกไอดอลมาก่อน และตอนนี้กำลังกลับมาอีกครั้งในเส้นทางบัลลาด” เธอเผยว่าเคยฝึกซ้อมอยู่ภายใต้ต้นสังกัด SM Entertainment แม้ตอนนี้จะไม่ได้อยู่กับค่ายแล้วก็ตาม “ตอนนั้นฉันชอบอัปโหลดคลิปคัฟเวอร์เพลงบัลลาดลงใน YouTube แล้วทางค่ายก็เป็นฝ่ายติดต่อมาค่ะ ฉันเลยย้ายจากแทจอนขึ้นมาฝึกที่โซลตอนอยู่ ม.5” เมื่อพิธีกร มีมี่ (Mimi) ถามว่าเพื่อนๆ ที่เธอเคยฝึกด้วยมีใครบ้างที่ได้เดบิวต์แล้วหรือไม่ คิมยุนอีตอบว่า “มีค่ะ พวกสมาชิกวง Hearts2Hearts ที่เดบิวต์ในปีนี้ แล้วก็สมาชิก aespa ด้วย ฉันฝึกอยู่ประมาณ 5 ปีค่ะ” การได้เห็นเพื่อนร่วมฝึกซ้อมในอดีตขึ้นเวทีเดบิวต์เป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน เธอกล่าวว่า “ฉันดูการแสดงเปิดตัววงของพวกเธอจากที่บ้าน มันรู้สึกแปลกและเศร้านิด ๆ ที่ได้เห็นเพื่อน ๆ ที่เคยอยู่ด้วยกันทุกวันกำลังยืนอยู่บนเวทีใหญ่แบบนั้น มันทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะนึกถึงความสิ้นหวังตอนที่ต้องกลับแทจอนหลังจากถูกคัดออกจากรายชื่อการเปิดตัววง” สำหรับการแสดงในรายการ คิมยุนอีเลือกเพลงเปิดตัวของ Yoon Sang ชื่อ “Shade of Parting” โดยเธออธิบายว่า “ฉันได้ยินเพลงนี้ตอนนั่งรถไฟกลับแทจอนหลังจากออกจากหอพัก เพลงนี้เหมือนบอกความรู้สึกของฉันตอนนั้น — ความรู้สึกที่ต้องปล่อยความฝันในการเป็นไอดอลไป มันเชื่อมโยงกับอารมณ์ของฉันมาก และเพราะการแสดงนี้คือการเริ่มต้นใหม่ของฉัน เพลงนี้เลยมีความหมายพิเศษค่ะ” เมื่อถึงตอนจบการแสดงของเธอ ไฟ “ผ่านเข้ารอบ” ได้สว่างขึ้น กลายเป็นช่วงเวลาแห่งชัยชนะที่เธอสามารถคว้าตั๋วเข้าสู่การแข่งขันต่อไปได้ ท่ามกลางเสียงเชียร์จากคณะกรรมการและผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ คิมยุนอีได้รับคะแนนทั้งหมด 103 คะแนน ทำให้ผ่านเข้าสู่รอบที่สองอย่างเฉียดฉิว ชาแทฮยอน (Cha Tae Hyun) กล่าวชมว่า “ผมประทับใจมากที่เธอใส่ใจในทุกโน้ตที่ร้องออกมา” ส่วน จองแจฮยอง (Jung Jae Hyung) ก็เสริมว่า “โน้ตสูงตอนท้ายเป็นอาวุธลับของคุณใช่ไหม? มันพลิกเกมเลยจริงๆ” พัคคยองลิม (Park Kyung Lim) ถามต่อว่าเธอเคยเป็นนักร้องเสียงหลัก(Main Vocal) ตอนเป็นเด็กฝึกหรือเปล่า ก่อนกล่าวชมว่า “เธอสานต่อสไตล์การร้องของ SM ได้ดีมาก ไม่ใช่แค่เสียงใสสะอาดนะ แต่เรารับรู้ได้ถึงอารมณ์ของคนที่กำลังนั่งรถไฟกลับบ้านหลังจากละทิ้งความฝัน — ความจริงใจนั้นสื่อออกมาได้ชัดเจนมาก และนั่นคือเหตุผลที่ทุกคนกดปุ่มโหวตให้เธอ” มีมี่ ปิดท้ายว่า “ฉันว่ามันสุดยอดมากเลยนะ ที่หลังจากฝึกเป็นไอดอลมาถึง 5 ปี—ซึ่งต้องใช้การฝึกเสียงอีกแบบหนึ่ง—เธอกลับมาเลือกเส้นทางบัลลาดได้อย่างสวยงาม การร้องของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์จริงๆ ฟังแล้วรู้สึกซึ้งมากค่ะ.” แฟน ๆ ต่างก็แสดงความดีใจและให้กำลังใจคิมยุนอีอย่างล้นหลามบนโลกออนไลน์ พร้อมคอมเมนต์ว่า “เธอร้องเพลงได้ดีมากจริง ๆ หวังว่าเธอจะเดินต่อบนเส้นทางนี้และประสบความสำเร็จนะ” “หน้าคล้ายเวนดี้ แถมเสียงก็เพราะมากด้วย” “คงจะทำใจยากมากเลยที่ต้องโดนตัดออกก่อนเดบิวต์… แต่เธอยังอายุน้อยและมีพรสวรรค์มาก” “น้ำเสียงของเธอมีกลิ่นอายแบบเวนดี้เลย — ฟังแล้วหลงใหลจริง ๆ” เรื่องราวของ คิมยุนอี (Kim Yoon Yi) สะท้อนถึงความยากลำบากที่เด็กฝึกในวงการ K-pop ต้องเผชิญ จากการพลาดโอกาสเดบิวต์กับวง Hearts2Hearts ไปจนถึงการกลับมาอีกครั้งในฐานะผู้เข้าแข่งขันที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความสามารถในรายการ Our Ballad ความมุ่งมั่นและความสามารถของเธอยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับแฟน ๆ อย่างต่อเนื่อง ที่มา popcornfor2 รูป SBS

October 10, 2025

ควอนอึนบี (Kwon Eun Bi) ออกค่าใช้จ่ายงานแต่งของพี่ชาย “เขาเคยช่วยฉันตอนที่ฉันไม่มีอะไรเลย”

นักร้องสาว ควอนอึนบี ได้เปิดเผยเรื่องราวสุดซึ้งในรายการ “Don Makase” ตอนออกอากาศวันที่ 7 ตุลาคม โดยมี ฮงซอกชอน และ อีวอนอิล เป็นพิธีกร ซึ่งเธอได้พูดถึงครอบครัวและเส้นทางความสำเร็จของตัวเอง เมื่อถูกถามว่าครอบครัวภูมิใจในตัวเธอไหม ควอนอึนบียิ้มและตอบอย่างขำ ๆ ว่า “พวกเขาชอบอวดฉันตลอดเลยค่ะ ฉันบอกหลายครั้งแล้วว่าอย่าอวดเลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะห้ามไม่ได้แล้ว พวกเขามีความสุขมากจริง ๆ” จากนั้นควอนอึนบีได้เล่าเรื่องของพี่ชายที่มีอายุมากกว่าเธอเพียงหนึ่งปีว่า “พี่ชายของฉันแต่งงานแล้วค่ะ และฉันเป็นคนออกค่าใช้จ่ายงานแต่งทั้งหมดให้เขาเอง” เมื่อถูกถามถึงเหตุผลที่ตัดสินใจทำเช่นนั้น เธอก็เล่าย้อนกลับไปถึงช่วงวัยรุ่นด้วยความประทับใจ “ตอนอยู่มัธยมต้น ฉันอยากเข้าโรงเรียนศิลปะมาก แต่พ่อแม่ไม่เห็นด้วยเพราะค่าใช้จ่ายสูง ตอนนั้นพี่ชายยังเรียนมัธยมปลายอยู่ แต่เขาแอบให้เงินฉันเพื่อใช้เรียนติวสอบเข้าโรงเรียนศิลปะ” น้ำใจเล็ก ๆ นั้นกลายเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยลืม “ฉันซึ้งใจมากในตอนนั้น และสัญญากับตัวเองว่า ‘สักวันหนึ่ง ถ้าฉันประสบความสำเร็จ ฉันจะตอบแทนพี่ชายให้ได้ไม่ว่าด้วยวิธีไหนก็ตาม’ และฉันก็อยากทำตามสัญญานั้นค่ะ” หลายปีต่อมา หลังจากที่เธอประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยวหลังจากวง IZ*ONE ยุบวง ควอนอึนบีก็สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้ได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม เธอยอมรับว่าพี่ชายรู้สึกเกรงใจมากกับสิ่งที่เธอทำให้ “เราสองคนไม่ค่อยพูดถึงเรื่องนี้ แต่ฉันพอจะรู้ว่าเขารู้สึกไม่สบายใจ ตั้งแต่นั้นมาฉันก็เลยตัดสินใจว่าจะไม่ช่วยเขาเรื่องเงินอีก” เธอกล่าวต่ออย่างอ่อนโยนว่า “ทุกครั้งที่ฉันพยายามจะช่วย เขาจะพูดแค่ว่า ‘ไม่เป็นไร ไม่ต้องช่วยก็ได้’ มันทำให้ฉันรู้สึกทั้งดีใจและเสียใจในเวลาเดียวกันค่ะ” ความจริงใจและความกตัญญูของควอนอึนบีทำให้ผู้ชมในรายการและชาวเน็ตต่างพากันชื่นชมในความอบอุ่นและถ่อมตัวของเธอ โดยมองว่าเธอไม่เพียงเป็นศิลปินที่มีความสามารถ แต่ยังเป็นน้องสาวที่มีหัวใจงดงามอีกด้วย ที่มา popcornfor2 รูป MBN

October 9, 2025

ฮเยริ (Hyeri) เล่าว่าเธอเคยสลบอยู่บนเตียงของซูจี (Suzy) และถูกเข้าใจผิดว่าเป็นขโมย!

ไอดอลและนักแสดงสาว ฮเยริ (Hyeri) ในตอนล่าสุดของรายการยูทูบของเธอ ได้เล่าเรื่องเมาสุดป่วนในอดีต ซึ่งเกี่ยวข้องกับ ซูจี (Suzy) หนึ่งในไอดอล-นักแสดงหญิงชื่อดังของเกาหลี ระหว่างพูดถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ฮเยริและซูจีเล่าว่าพวกเธอเริ่มรู้จักกันตั้งแต่ยังเป็นไอดอล เพราะช่วงโปรโมตเพลงของทั้งคู่มักจะตรงกัน และหลังจากเวลาผ่านไปนาน พวกเธอก็ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในฐานะเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และตัดสินใจดื่มด้วยกัน ฮเยริเล่าว่านั่นเป็นครั้งแรกที่เธอได้ลองดื่มวิสกี้ พร้อมบอกว่า “ซูจีเป็นคนสอนฉันเองเลย” หลังจากดื่มกันได้สักพัก ทั้งคู่ก็เริ่มสนุกและตัดสินใจไปต่อที่บ้านของซูจี “แล้วเราก็สลบเลยค่ะ” ฮเยริสารภาพ “บนเตียงเดียวกัน” เช้าวันรุ่งขึ้น ฮเยริเป็นคนตื่นก่อนเพราะมีงานต้องไป “ซูจีดูเหมือนจะยังไม่ตื่นเลย” เธอเล่าพร้อมหัวเราะ จากนั้นฮเยริจึงตัดสินใจออกจากบ้าน แต่ทันทีที่เปิดประตู สัญญาณกันขโมยในบ้านของซูจีก็ดังขึ้น! “อ๋อ นั่นเป็นเหตุผลที่แม่ฉันออกมาหรอ?” ซูจีพูดเสริม ทำให้เรื่องราวยิ่งขำหนักกว่าเดิม ฮเยริยอมรับว่าแม่ของซูจีเข้าใจผิด คิดว่าเธอเป็นขโมย ฮเยริเล่าต่อว่า “แม่ของเธอพูดกับฉันอย่างสุภาพมากว่า ‘ทำไมรีบกลับจังคะ?’” ซึ่งตัดกับสภาพของเธอที่ทั้งตื่นเต้นและพูดตะกุกตะกัก ก่อนจะถามออกไปว่า “เอ่อ… ประตูเปิดยังไงคะ?” เรื่องราวสุดฮานี้เผยให้เห็นถึงมิตรภาพแน่นแฟ้นระหว่างฮเยริและซูจี ซึ่งแฟน ๆ ส่วนใหญ่ไม่เคยรู้มาก่อน หลังจากได้เห็นเคมีที่เข้ากันสุด ๆ ของทั้งคู่ในรายการ Hyell’s Club แฟน ๆ ต่างก็อยากเห็นสองสาวสุดป่วนคู่นี้กลับมาร่วมรายการอีกครั้งในอนาคต ที่มา popcornfor2 รูป Hyell’s Club

October 8, 2025

จาก Stray Kids จนถึง โรเซ่ BLACKPINK: เบื้องหลังการเหยียดเชื้อชาติที่ศิลปินเคป็อปยังคงเผชิญ

จำนวนศิลปินเคป็อปที่ออกมาแสดงความคิดเห็น — หรือถูกพูดแทน — กำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังเกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องในต่างประเทศที่จุดกระแสความไม่พอใจเกี่ยวกับการเหยียดเชื้อชาติในวงการบันเทิงตะวันตก ล่าสุด ประเด็นร้อนเกิดขึ้นกับ โรเซ่ (Rosé) BLACKPINK เธอถูกตัดภาพออกจากภาพถ่ายหมู่โดยนิตยสารแฟชั่นชื่อดัง ทั้งที่เธอเป็นหนึ่งในแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับแนวหน้าของ Saint Laurent โรเซ่ ได้เข้าร่วมงานแฟชั่นโชว์ Saint Laurent 2026 Spring/Summer Womenswear ที่กรุงปารีส เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกของ Saint Laurent ซึ่งเธอได้รับตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2020 ต่อมาในวันที่ 1 ตุลาคม เธอได้โพสต์ภาพและวิดีโอจากงาน พร้อมข้อความขอบคุณถึงครีเอทีฟไดเรกเตอร์ Anthony Vaccarello ว่า “ขอบคุณที่เชิญฉันมาชมโชว์อันยอดเยี่ยมอีกครั้งนะคะ ผลงานของคุณช่างงดงามเหลือเกิน รักคุณค่ะ” กระแสดราม่าเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Elle UK โพสต์ภาพถ่ายหมู่ที่ โรเซ่ ถ่ายร่วมกับ Hailey Bieber, Zoë Kravitz และ Charli XCX — แต่กลับตัดภาพของ โรเซ่ ออกไปทั้งหมด ขณะที่นิตยสารแฟชั่นอื่น ๆ เช่น Vogue ได้โพสต์ภาพเต็ม ทำให้แฟน ๆ จำนวนมากออกมาโจมตี Elle UK ว่ามีพฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติ สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อ Charli XCX แชร์ภาพอีกเวอร์ชั่นหนึ่งที่ โรเซ่ ปรากฏตัวอยู่ในเงามืดแทบมองไม่เห็น และ Hailey Bieber ยังนำภาพนั้นไปโพสต์ต่อบน Instagram Stories ของตนอีกด้วย เมื่อกระแสต่อต้านรุนแรงขึ้น Elle UK จึงออกมาโพสต์ภาพเดี่ยวของ โรเซ่ เพิ่มเติม แต่เสียงวิจารณ์ต่อนิตยสารก็ยังคงหนักหน่วง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ โรเซ่ ไม่ใช่กรณีแรก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ศิลปินเคป็อปหลายคนต่างต้องเผชิญเหตุการณ์คล้ายกัน ตั้งแต่การถูกเมินเฉยบนพรมแดง ไปจนถึงการถูกพูดจาดูหมิ่น แม้กระแสความนิยมของวงการเคป็อปจะพุ่งสูงระดับโลกก็ตาม ในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ครั้งที่ 77 เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2024 ยุนอา (YoonA) สมาชิกวง Girls’ Generation ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหญิงรายหนึ่งขัดขวางไม่ให้เธอโพสท่าถ่ายรูปกับช่างภาพ แม้ ยุนอา จะยังคงยิ้มและพยายามรักษามารยาท แต่สุดท้ายเธอก็แสดงท่าทีไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัดในขณะที่เจ้าหน้าที่คนนั้นยังคงกันเธอไว้ รายงานในภายหลังเผยว่าเจ้าหน้าที่คนเดียวกันนี้เคยขัดขวางนักร้องชาวแอฟริกัน-อเมริกัน Kelly Rowland และนักแสดงสาวชาวโดมินิกัน Massiel Taveras เช่นกัน ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีแรงจูงใจทางเชื้อชาติอยู่เบื้องหลัง ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน วง Stray Kids กลายเป็นศิลปินเคป็อปวงแรกที่ได้เข้าร่วมงานแฟชั่นระดับโลก Met Gala ทั้งวง แต่ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นั้นกลับถูกบดบังด้วยคำพูดเหยียดเชื้อชาติจากผู้สื่อข่าวบางราย โดยมีรายงานว่าสมาชิกถูกพูดว่า “พวกคุณดูบิดเบี้ยวไปหมดเลยนะ” “ตัวเตี้ยจัง ลองกระโดดดูสิ” และ “ไม่เคยเห็นใครหน้าตาไร้อารมณ์แบบนี้มาก่อน” ในตอนนั้น บังชาน (Bang Chan) หัวหน้าวงเชื้อสายเกาหลี-ออสเตรเลีย ได้ตัดสินใจพาสมาชิกทั้งหมดเดินออกจากจุดสัมภาษณ์อย่างเงียบ ๆ แม้แต่ เจนนี่ (Jennie) BLACKPINK เองก็เคยตกเป็นประเด็นเรื่องการเหยียดเชื้อชาติในงานแฟชั่นโชว์ Chanel Cruise 2024 ในตอนนั้นดาราสาว Margaret Qualley ได้เอื้อมมือไปจับผมสีบลอนด์ใหม่ของ เจนนี่ พร้อมถามว่า “ของจริงเหรอ?” ต่อมาในขณะที่ เจนนี่ เอนตัวเข้าไปเพื่อทักทายด้วยการจูบแก้มตามธรรมเนียม Qualley กลับหันหน้าหนีอย่างกะทันหัน ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ให้เกียรติและมีอคติทางเชื้อชาติ แม้บางคนจะพยายามอธิบายว่า Qualley อาจไม่ชอบการสัมผัสทางกาย แต่ภาพถ่ายในอดีตที่เธอแลกจูบแก้มกับคนดังมากมายกลับทำให้คำอธิบายนั้นขาดน้ำหนักไป เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่วัฒนธรรมป๊อปของเกาหลีกำลังเข้าถึงผู้ชมทั่วโลกมากกว่าที่เคย ภาพยนตร์แอนิเมชั่น “K-pop Demon Hunters” ที่ประสบความสำเร็จเมื่อไม่นานนี้ ยิ่งช่วยกระตุ้นความสนใจระดับนานาชาติในดนตรีและวงการบันเทิงของเกาหลีให้เพิ่มสูงขึ้น แต่ทว่าทัศนคติของสังคมตะวันตกที่มีต่อคนดังเชื้อสายเอเชีย กลับดูเหมือนยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมนัก ที่มา popcornfor2 รูป ELLE UK

October 6, 2025

ต้นสังกัดปฏิเสธข่าวลือ ฮยอนอา (HyunA) กำลังตั้งครรภ์

“ฮยอนอา ท้องหรือเปล่า?” ข่าวลือสะพัด… ต้นสังกัดออกมาปฏิเสธ “ข่าวลือเรื่องการตั้งครรภ์ไม่เป็นความจริง” ต้นสังกัดของนักร้อง ฮยอนอา ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือเรื่องการตั้งครรภ์ หลังมีการคาดเดาเพราะรูปร่างที่เปลี่ยนไป เมื่อวันที่ 30 เดือนที่แล้ว ฮยอนอาได้ปรากฏตัวพร้อมสามี ยงจุนฮยอง (อดีตสมาชิก Highlight) ที่สนามบินนานาชาติอินชอน เพื่อเดินทางไปร่วมงานคอนเสิร์ต “Token of Love Festival” ที่ประเทศสิงคโปร์ ขณะถ่ายภาพกับแฟน ๆ และสื่อมวลชน สายตาหลายคนจับจ้องไปที่รูปร่างของเธอ ซึ่งดูแตกต่างจากเมื่อก่อน ตั้งแต่เดบิวต์ ฮยอนอามีหุ่นผอมบางจนหลายคนเป็นห่วง เธอเคยเผยว่ามีส่วนสูง 164 ซม. น้ำหนัก 43.1 กก. ซึ่งค่า BMI เพียง 16.02 จัดอยู่ในเกณฑ์น้ำหนักต่ำมาก เมื่อเปรียบเทียบกับผู้หญิงวัยเดียวกัน 100 คน เธอจัดอยู่ในอันดับที่ 5 ของคนที่น้ำหนักน้อยที่สุด เพราะปกติฮยอนอามีรูปร่าง “ผอมบางเกินไป” แต่ล่าสุดกลับดูมีน้ำมีนวลขึ้น จึงเกิดการคาดเดาไปต่าง ๆ นานา บางคนถึงกับสงสัยว่าเธอกำลังตั้งครรภ์หรือไม่ ภาพเปรียบเทียบ: ฮยอนอาในปัจจุบันที่ถูกมองว่าหุ่นเปลี่ยนไป (ซ้าย) และภาพในอดีตที่หลายคนกังวลเรื่องสุขภาพ (ขวา) ฮยอนอาเดบิวต์เมื่อกุมภาพันธ์ 2007 ตอนอายุ 14 ปี ในฐานะสมาชิกวง Wonder Girls ต่อมาในปี 2010 เธอเคยเล่าในรายการ “Imagine Plus” (KBS2) ว่า “ตอนประถมน้ำหนักมากกว่าตอนนี้ประมาณ 17 กก. แต่ลดน้ำหนักเพื่อเดบิวต์เป็นนักร้อง” เธอเคยเปิดเผยเคล็ดลับการลดน้ำหนักด้วยการ คุมอาหาร โดยเลี่ยงอาหารจำพวกแป้ง, ข้าวขาว และน้ำตาลขาว เลือกทานทีละน้อยแต่บ่อยครั้งเพื่อให้กระเพาะเล็กลง (ใช้เวลามากกว่า 6 เดือน) มื้อเย็นจะเลือกอาหารแคลอรีต่ำ เช่น อกไก่, เนื้อวัว, สลัดผัก และไม่แตะของว่างยามดึกเลย ก่อนคัมแบ็กยังมีการออกกำลังกายอย่างเข้มข้น เดินวันละ 6 ชั่วโมง ผสมทั้ง พิลาทิส, เวทเทรนนิ่ง, คาร์ดิโอ รวมถึงการซ้อมเต้นที่เผาผลาญพลังงานสูงมาก ฮยอนอายังเคยให้คำแนะนำในช่องยูทูบของตัวเองว่า “ถ้าทำทั้งการควบคุมอาหารกับออกกำลังพร้อมกัน อาจเหนื่อยเกินไป ควรเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้ชินก่อน แล้วค่อยเพิ่มอีกอย่างเข้าไป” และบอกว่าเวลาที่ไม่ได้ทำงานเยอะ เธอจะพยายามรักษาน้ำหนักให้อยู่ที่ 45 กก. ที่มา popcornfor2 รูป Newsen

October 3, 2025

ลิซ่า (Lisa)วง BLACKPINK เซ็นสัญญากับ WME มุ่งสู่เส้นทางการแสดงระดับโลก

ลิซ่า BLACKPINK เซ็นสัญญากับ WME (William Morris Endeavor) หนึ่งในเอเจนซีบันเทิงและกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อเปิดเส้นทางใหม่ในบทบาทการแสดงของเธอ เมื่อวันที่ 29 กันยายน ค่าย LLOUD ของลิซ่าได้ประกาศว่า “ลิซ่าได้เซ็นสัญญากับ WME เพื่อเป็นตัวแทนด้านงานการแสดง ขณะที่เธอกำลังสร้างเส้นทางอาชีพในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์” การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากลิซ่าประสบความสำเร็จในการเดบิวต์ด้านการแสดงกับบท “มุก” ในซีรีส์ HBO เรื่อง The White Lotus ซีซั่น 3 ข่าวการร่วมงานกับ WME ทำให้แฟน ๆ จับตามองเส้นทางการแสดงของลิซ่ามากขึ้น และตั้งตารอโครงการใหม่ ๆ ในอนาคต ขณะเดียวกัน BLACKPINK กำลังอยู่ระหว่างทัวร์ Deadline โดยมีคอนเสิร์ตที่จะจัดขึ้นที่เกาสง วันที่ 18–19 ตุลาคม และกรุงเทพฯ วันที่ 24–26 ตุลาคม หลังจากนั้นจะเดินสายต่อไปยังเมืองใหญ่ ๆ ในเอเชีย นอกจากนี้ BLACKPINK ยังได้ปล่อยเพลงใหม่ JUMP เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ถือเป็นการคัมแบ็กเต็มวงครั้งแรกในรอบประมาณ 3 ปี ที่มา popcornfor2 รูป WME

October 1, 2025

คังมินคยอง วง Davichi เผยเคล็ดลับหุ่น 168 ซม. 52 กก. กินวันละมื้อมา 10 ปีแล้ว

นักร้อง คังมินคยอง วง Davichi ออกมาเปิดเผยเคล็ดลับดูแลรูปร่างของตัวเอง เมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่ผ่านมา บนช่องยูทูบ “Kyang Ming-kyung” ได้อัปโหลดวิดีโอในหัวข้อ “ผู้หญิงที่กินวันละมื้อมา 10 ปีแล้ว… (เกือบทุกวัน)” ในคลิป คังมินคยองเล่าว่า “ช่วงนี้มีตารางงานที่ต้องออกหน้ากล้องบ่อยมาก พอได้เงินเข้าก็เปลี่ยนโหมด ใช้ชีวิตแบบเข้มงวดกว่าปกติ เลยแทบจะกินวันละมื้อเดียว” อย่างไรก็ตาม เธอเสริมว่า “ไม่ใช่การควบคุมอาหารแบบสุดโต่งนะ ระหว่างวันก็มีบ้าง เช่น กินกล้วย มันหวาน หรือกาแฟลาเต้เพื่อประทังความหิว แล้วรอไปกินมื้อเย็นที่อยากกินจริง ๆ” หลังจากนั้น เธอก็เผยภาพทำอาหารเอง โดยทำพาสตาหอยนางรมพร้อมจิบไวน์เรียกน้ำย่อย คังมินคยองยังเล่าถึงข้อดีข้อเสียของการกินวันละมื้อว่า “ข้อดีคือ พอถึงเวลาที่ได้กินจริง ๆ จะรู้สึกว่าอาหารอร่อยมาก” แต่ “ข้อเสียคือ เวลาหิวจัดก็จะเผลอกินแบบตะกละ แล้วตอนกินจะรู้สึกมึน ๆ เหมือนสติหลุดไปเลย” ที่มา popcornfor2 รูป ‘Kyang Ming-kyung’ YouTube Channel

September 30, 2025

MORE NEWS